นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า สพฐ.และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรายงานสถานการณ์นักเรียนยากจนพิเศษที่ได้รับผลกระทบจากการเลื่อนเปิดภาคเรียนเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยรมว.ศธ.ได้สั่งการให้ ร่วมมือกันลดผลกระทบให้กับนักเรียนกลุ่มนี้อย่างเร่งด่วน เบื้องต้น กสศ.จะจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติม ให้กับนักเรียนทุนเสมอภาคที่ได้รับเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขต่อเนื่องจากปีการศึกษา 2562 และมีรายชื่อการรับเงินอุดหนุน ภาคเรียนที่ 2/2562 ( ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2563) ระดับชั้นประถมศึกษา 1– 6 จำนวน 500,000 คน ในอัตรา 600 บาทต่อคน โดยทางกสศ.แจ้งว่าจะจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมนี้ให้แก่โรงเรียนภายในวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 และขอให้สถานศึกษาดำเนินการจัดสรรให้แก่นักเรียนและผู้ปกครองให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
นายอำนาจ กล่าวว่า สพฐ. ขอให้เขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 225 เขต สร้างความเข้าใจแนวทางและกระบวนการดำเนินงานแก่โรงเรียนในสังกัด โดยเฉพาะวิธีการใช้จ่าย “เงินอุดหนุนนักเรียนทุนเสมอภาคเพิ่มเติม” เพื่อให้เงินช่วยเหลือจาก กสศ.ครั้งนี้ ไปถึงเด็กนักเรียนที่กำลังเดือดร้อนได้เร็วและเกิดประโยชน์มากที่สุด เป้าหมายสำคัญให้เด็กได้ทานอาหารตามภาวะโภชนาการที่ดี ทั้งนี้โรงเรียนสามารถเลือกวิธีบริหารจัดการให้สอดคล้องตามความต้องการของนักเรียน และคำนึงถึงสถานการณ์ บริบทในพื้นที่ โดยดำเนินการได้ 2 แนวทางคือ 1. โรงเรียนจัดหาข้าวสารอาหารแห้งที่จำเป็นหรืออาหารที่มีประโยชน์และจัดสรรให้กลุ่มเป้าหมายนักเรียนทุนเสมอภาคหรือผู้ปกครอง 2. โรงเรียนจ่ายเงินสดหรือโอนผ่านธนาคารไปยังกลุ่มเป้าหมายนักเรียนทุนเสมอภาคหรือผู้ปกครอง เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนในการจัดหาอาหาร หรือเป็นค่าครองชีพ
“ต้องขอบคุณคุณครูและโรงเรียนที่ไม่เคยนิ่งเฉย คอยติดตามความเป็นอยู่นักเรียนอย่างใกล้ชิด เงินอุดหนุน จากกสศ.ครั้งนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเด็กๆได้ในเบื้องต้น อย่างไรก็ดี รมว.ศธ.ได้มีข้อแนะนำให้ กสศ.หาช่องทางขอรับงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษให้ครอบคลุมชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นอีกราว 2 แสนคน ทั้งนี้หาก กสศ.ได้รับงบประมาณเพิ่มเติมก็จะสามารถจัดสรรได้ทันช่วงมิถุนายนนี้” นายอำนาจ กล่าว
นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกสศ. กล่าวว่า เบื้องต้น ภายใต้งบประมาณที่จำกัดจะมุ่งไปที่นักเรียนชั้นป.1–ป.6 เนื่องจาก ผลการวิเคราะห์ข้อมูลน้ำหนัก/ส่วนสูงในภาคเรียน 2/2561 จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ iSEE ของกสศ.โดยอ้างอิงข้อมูลนักเรียนยากจนพิเศษจำนวน 720,946 คน พบว่า นักเรียนยากจนพิเศษระดับประถมศึกษามีปัญหาทางภาวะโภชนาการรุนแรงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระดับมัธยมต้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตในอนาคตอย่างถาวรได้ โดยมีนักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการที่ควรได้รับการช่วยเหลือในระดับชั้นประถมประมาณ 29,991 คน ซึ่งจะอยู่ในจำนวน 500,000 คนที่จะได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ด้วย
นายสุภกร กล่าวว่า กสศ.ได้เชิญ อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักโภชนาการอาวุโส ร่วมจัดทำรายการข้าวสารอาหารแห้งที่เป็นประโยชน์และมีโภชนาการที่ดีสำหรับเด็กเพื่อแนะนำให้โรงเรียนจัดหาให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาค ภายใต้งบประมาณ 600 บาทต่อคนใน 30 วันเรียน เรียกว่าเป็นถุงยังชีพเพื่อโภชนาการที่ดีของนักเรียนยากจนในช่วงการเลื่อนเปิดเทอม ซึ่งประกอบด้วย ข้าวสาร 20 กิโลกรัม ไข่ไก่ 36 ฟอง ปลากระป๋อง 10 ประป๋อง น้ำมันพืช 1 ขวด หากไม่มีอุปสรรคเรื่องการเดินทาง เด็กๆเดินทางมาง่าย บางโรงเรียนอาจมีศักยภาพในการบริหารจัดการเป็นโรงครัวเพื่อให้เด็กๆมารับประทานอาหารหรือรับอาหารกลับไปได้ โดยมีการจัดระยะห่างเพื่อความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนี้ กสศ.ประสานกับภาคธุรกิจเอกชนจำหน่ายข้าวสารอาหารแห้งในราคาเท่าทุนหรือต่ำกว่าต้นทุนให้แก่โรงเรียน สำหรับประชาชนหรือภาคส่วนต่างๆสามารถร่วมบริจาคสมทบเพื่อโภชนาการที่ดีของนักเรียนยากจนพิเศษในช่วงเลื่อนเปิดเทอม และใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่า ได้ที่ https://donate.eef.or.th/main-donate หรือธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี กสศ.มาตรา 6(6) - เงินบริจาค เลขที่บัญชี 1720300216สอบถามรายละเอียดได้ที่ กสศ. โทร. 02- 079-5475
ด้านนายสง่า ดามาพงษ์ นักโภชนาการชื่อดัง กล่าวว่า ความเดือดร้อนของนักเรียนยากจนพิเศษที่ได้รับผลกระทบเรื่องการขาดแคลนอาหาร ถือเป็นวิกฤตในวิกฤต กระทบเด็กมากกว่า 7 แสนคน ที่ต้องกินอาหารที่บ้านซึ่งไม่สามารถแบกรับภาระตรงนี้ พ่อแม่ให้อาหารลูกไม่ถูกหลักโภชนาการ กินไม่อิ่ม หรือต้องอดมื้อกินมื้อ แม้เพียงแค่ 2-3 เดือน ก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็ก โดยเฉพาะเด็กยากจนที่มีภาวะทุพโภชนาการอยู่แล้ว จะยิ่งส่งผลให้มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ง่าย รวมทั้งโรคโควิด-19เมื่อเปิดเทอมมา จำนวนเด็กนักเรียนที่ขาดสารอาหารเพิ่มขึ้น มีรูปร่างผอม เตี้ย แคระแกรน ที่สำคัญเซลล์สมองเด็กจะเติบโตช้า เสี่ยงสูงต่อไอคิวต่ำ เรียนไม่เก่ง สอบตกซ้ำชั้น ผลกระทบทั้งหมดนี้ยากที่จะกู้คืนกลับมาให้เป็นปกติได้ ส่งผลกระทบระยะยาวไปถึงอนาคตเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำ
นายสง่า กล่าวว่า ทั้งนี้ได้ร่วมกับ กสศ. จัดทำคู่มือแนะนำผู้ปกครองเพื่อวางแผนจัดการเงินอุดหนุน 600 บาท ให้ถูกแปลงเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ รวมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองในการเตรียมอาหารช่วงระหว่างปิดเทอม สำหรับอาหารที่แนะนำในงบประมาณ 600 บาท ต่อคน ใน 30 วันนั้น เน้นอาหารหลักๆ ที่จำเป็นต่อเด็กและเก็บรักษาไว้ได้นานไม่เน่าเสียเร็ว ซึ่งเป็นอาหาร4ชนิดสำคัญ ได้แก่ 1.ข้าวสารคืออาหารหลักที่ให้สารอาหารเรียกว่า คาร์โบไฮเดรท เพื่อให้เด็กมีพลังงาน เรียนหนังสือได้ ร่างกายแข็งแรง 2.ไข่ ให้สารอาหารโปรตีน มีวิตามินแร่ธาตุ ซึ่งเด็กต้องได้รับโปรตีนทุกมื้อ เพราะร่างกายจะนำไปสร้างเนื้อเยื่อ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ให้มีภูมิต้านทานโรค สร้างความเจริญเติบโต 3. ปลากระป๋อง ให้สารอาหารโปรตีนและแคลเซี่ยม ประโยชน์คล้ายๆไข่ รับประทานสลับกับไข่ได้ 4.น้ำมัน ให้สารอาหารไขมัน ร่างกายจะนำไปสร้างพลังงาน สร้างความอบอุ่น และนำวิตามินที่ละลายได้ในไขมันเข้าสู่ร่างกาย สำหรับผักและผลไม้ ที่ให้สารอาหารวิตามินและแร่ธาตุ ขอวิงวอนพ่อแม่ให้หาผักผลไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่นนำมาปรุงและประกอบอาหารให้ลูกได้กินทุกมื้อ เพื่อให้ได้กินอาหารครบ 5 หมู่