ไม่พบผลการค้นหา
"ชวน" ระบุ ไม่สามารถวินิจฉัยเองได้ว่า พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 จะเป็นโมฆะหรือไม่ ชี้ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ยืนยันต้องตรวจสอบเรื่อง ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน ย้ำขอให้ถือเป็นบทเรียน

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความการลงมติใน พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เหตุเพราะมีการเสียบบัตรแทนกัน ว่า ทางหนึ่งคือตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว ส่วนที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น เมื่อวานนี้ (22 ม.ค.) ได้รับหนังสือจากทั้งทางฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน เข้ามาแล้ว ซึ่งขณะนี้เลขาธิการสภาฯ กำลังตรวจสอบรายชื่อว่าถูกต้องหรือไม่ และวันนี้ (23 ม.ค.) เอกสารทั้งหมดจะส่งมาที่ตนเพื่อทำเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ ในการยื่นศาลรัฐธรรมนูญควรจะเป็นภายในวันนี้ 

ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 นี้ ไม่เป็นโมฆะ นั้น ตนไม่สามารถวินิจฉัยได้ ต้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ส่งเรื่องไปเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 

ส่วนหากเป็นโมฆะจะหาทางออกอย่างไรนั้น ตามปกติงบประมาณหากยังไม่เริ่มใช้งบประมาณใหม่ ก็ให้ใช้งบประมาณเดิมไปก่อนของปีก่อน เช่น เงินเดือนข้าราชการก็เป็นไปตามปกติแต่ในส่วนโครงการพัฒนาก็จะทำให้ล่าช้าไป แต่ต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาวินิจฉัยกี่วัน แต่เชื่อว่าไม่นาน ก็คงรู้ผลศาลรัฐธรรมนูญคงทราบดีว่าจำเป็นจะต้องรีบเร่งเรื่องนี้ให้จบ

ส่วนหากเรื่องดังกล่าวเป็นโมฆะนั้นจะต้องเริ่มพิจารณาตามขั้นตอนใหม่หรือไม่นั้น ตนมองว่าอย่าพึ่งคิดไปถึงขั้นนั้น หน้าที่ตอนนี้คือตรวจหนังสือของสมาชิกให้เรียบร้อยแล้วส่งเรื่องไปภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่เกิน 3 วัน 

นอกจากนี้ นายชวน ยังกล่าวถึงเรื่องที่มีการเสียบบัตรแทนกันนั้น ยืนยันว่าต้องตรวจสอบ ทุกกรณีที่มีหลักฐาน ไม่เช่นนั้นจะไม่ยุติธรรมกรณีใดที่ปรากฎหลักฐานขึ้นมาก็ต้องสอบ

ส่วนมาตรการป้องกันหากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตนั้น ตนมองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนให้กับทุกคนและทุกพรรคการเมือง พรรคการเมืองก็คงไม่มีใครเจตนาอยากให้เกิดขึ้น แต่ที่เกิดขึ้นก็คงจะเกิดจาก ส.ส. ที่อาจจะไม่ระวัง ซึ่งวันนั้นตรงกับวันเด็ก ตนก็ได้เตือนแล้ว ใครที่ต้องไปเป็นเจ้าภาพงานวันเด็กก็ขอให้รู้ว่าไม่สามารถไปได้แล้ว เพราะ ส.ส. กับงานวันเด็กเป็นเรื่องที่คู่กัน

ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ต้องยอมรับว่าที่นั่งไม่ได้เป็นที่ประจำแน่นอน เพราะยืมห้องของวุฒิสภามาใช้โดยวุฒิสภา มีที่นั่งที่ประจำใช้สามารถรู้ว่าใครอยู่ตรงไหนและตรวจสอบได้ แต่สภาผู้แทนราษฎรยังไม่มีที่ประจำ จะไปปรับเปลี่ยนของวุฒิสภาก็ไม่ได้ แต่เมื่อสถานที่ของสภาเสร็จสิ้นแล้ว ก็อาจจะควบคุมได้ดีขึ้นแต่ ทั้งนี้ก็อยู่ที่ความรับผิดชอบของแต่ละคน ด้วย ส.ส.มอบบัตรให้ใครเสียบแทน และส.ส.ไม่ควรเสียบบัตรแทนใคร ซึ่งอาจจะมองว่าเป็นปัญหาเพียงเล็กน้อยแต่จริงๆ แล้วเป็นปัญหาและกระทบกระเทือนถึงการทำงานมาก

อย่างไรก็ตาม เรื่องการเสียบบัตรนั้น หากเจ้าตัวไม่อยู่เจ้าตัวก็ต้องไม่ฝากให้ใครเสียบบัตรให้ และโดยทั่วไป ส.ส.ก็ไม่ไปยุ่งกับบัตร ส.ส. คนอื่น ขณะเดียวกันเมื่ออยู่ในสภาด้วยกัน เครื่องเสียบบัตรไม่พอก็ไม่สามารถเสียบแทนกันได้ของใครของคนนั้น