ไม่พบผลการค้นหา
สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ พิจารณาตั้งศูนย์ภารกิจมุ่งเน้นประเด็นจีนโดยเฉพาะ รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจีนให้มากขึ้น

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวภายในสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) โดยระบุว่า ซีไอเอกำลังพิจารณาจัดตั้ง "ศูนย์ภารกิจพิเศษสำหรับประเทศจีน" ซึ่งจะเป็นหน่วยงานพิเศษที่ซีไอเอจัดตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะ โดยจะเป็นลักษณะหน่วยงานแบบสแตนด์อโลน (Stand Alone) ที่จะใช้ทรัพยากรของซีไอเอจากทั่วโลก ในการทำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน

รายงานระบุว่า ศูนย์กิจการพิเศษด้านจีนนี้ จะทำให้การรักษาจำนวนพนักงาน และการบริหารงบประมาณของซีไอเอเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการหาข้อมูลและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับจีนได้ง่ายขึ้น

บลูมเบิร์กอ้างแหล่งข่าวเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว 3 ราย โดยระบุตรงกันว่า การพิจารณาเพื่อจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะนี้ เป็นไปตามแผนของนายวิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยซีไอเอ คนปัจจุบัน ที่มุ่งะเน้นการยกระดับงานด้านข่าวกรองที่เกี่ยวข้องกับจีน เพื่อรับมืความท้าทายของจีนที่กำลังมีมากขึ้น ซึ่งศูนย์เฉพาะด้านกิจการจีนนี้ อาจเป็นส่วนที่แยกออกมาจาก “ศูนย์พันธกิจสำหรับเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก” ซึ่งดูแลงานในภูมิภาคดังกล่าวมานาน เช่นเดียวกับศูนย์ปฏิบัติการรวมถึงศูนย์ข่าวกรองเฉพาะด้านที่ซีไอเอตั้งมาเพื่อรับมือเป็นการเฉพาะอย่าง ศูนย์ต้านการก่อการร้าย หรือศูนย์ปฏิบัติการภูมิภาคตะวันออกกลาง

อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอคนหนึ่งซึ่งขอไม่ให้ระบุตัวตน กล่าวว่าก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของซีไอเอหลายคน เห็นด้วยกับการจัดตั้งศูนย์เฉพาะด้านกิจการจีน แต่ก็ติดขัดและไม่ได้ถูกผลักดันมาหลายครั้ง จนกระทั่งล่าสุดที่อาจมีความเป็นไปได้สูงว่าจะจัดตั้งสำเร็จ 

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ วิลเลียม เบินส์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯคนใหม่ ได้ตอบคำถามต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภา ยืนยันว่าจีนคือภัยคุกคามสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ โดยตอนหนึ่งระบุถึงยุทธ์ศาสตร์และการรับมือความท้าทายจากจีนว่า ภารกิจหลักของเขามี 4 ประการ คือ "ประชาชน - ความร่วมมือ - เทคโนโลยี - จีน" โดยการเอาชนะจีนถือเป็นความสำคัญยิ่งยวดต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ

นายเบินส์ เรียกจีนว่าเป็น "ศัตรูที่รวบอำนาจเบ็ดเสร็จและน่าสะพรึงกลัว" ที่พยายามเพิ่มความสามารถในการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา กดขี่ประชาชน รวมทั้งแผ่ขยายอิทธิพลมายังสหรัฐฯ

นอกจากภัยคุกคามจากจีนแล้ว เบินส์ยังระบุถึงภัยคุกคามจากรัสเซีย เกาหลีเหนือ และอิหร่าน ตลอดจนความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก สาธารณสุข และภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมทั้งการที่ผู้นำที่กระหายและเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์ของจีนพยายามทดสอบกำลังกับสหรัฐฯ เพื่อแย่งชิงความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์การเมืองโลก