พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 ผ่านระบบการประชุมทางไกล ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถ้อยแถลง ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิก ว่าต้องขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับเวียดนามที่การประชุมสุดยอดอาเซียนและอาเซียนบวกสาม สมัยพิเศษว่าด้วยโควิด-19 เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จด้วยดี ซึ่งช่วยเสริมสร้างความร่วมมือของอาเซียน ในการรับมือกับโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้นเป็นลำดับ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี รัฐบาลจึงได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต แต่ยังคงบังคับใช้มาตรการด้านสุขอนามัย การรักษาระยะห่างทางสังคม และการใช้แอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" ป้องกันให้เกิดการแพร่ระบาดระลอก 2
ในขณะที่กำลังปรับตัวรับกับวิถีใหม่ อีกด้านหนึ่ง ทุกคนก็กำลังรับมือกับสภาพภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ที่ผันผวนมากขึ้น เราได้เห็นการเผชิญหน้าระหว่างมหาอำนาจ การเพิ่มขึ้นของกระแสชาตินิยมและต่อต้านโลกาภิวัตน์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพระหว่างประเทศ และท้าทายระบบพหุภาคีนิยม อาเซียนจึงควรร่วมมือกันต้านกระแสเหล่านี้ เสริมสร้างระบบภูมิภาคนิยมให้เข้มแข็งและส่งเสริมการช่วยเหลือเกื้อกูลระดับโลก ผนึกกำลังในการรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค หลีกเลี่ยงการถูกบังคับให้เลือกข้างจากมหาอำนาจ และเป็นสะพานเชื่อมโยงมหาอำนาจ ที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับภูมิภาค ใช้มุมมองของอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิกให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้อาเซียนสามารถรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ รวมถึง ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ได้อย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี เสนอ 3 แนวทางเพื่อขับเคลื่อนอาเซียนในยุคหลังโควิด-19 โดย
สำหรับประเทศไทย ที่ผ่านมาได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ควบคู่ไปกับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยหลักปรัชญาดังกล่าวสามารถเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้อาเซียน กลับมาเข้มแข็งกว่าที่เคยเป็น
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณเพื่อนประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้ดูแลช่วยเหลือคนไทยในประเทศของท่าน และอำนวยความสะดวกในการส่งคนไทยกลับบ้าน ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็ได้ดูแลให้ความช่วยเหลือพลเมือง ของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้รับผลกระทบ้อำนวยความสะดวกการเดินทางกลับ รวมจำนวนกว่า 18,000 คน
นอกจากนี้ ต้องเร่งดำเนินการเชิงรุก โดยการร่วมประชุมหารือทางไกล เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรค ความล่าช้า และเตรียมความพร้อมในทุกมิติ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ท้ายสุดนี้ ทั้งนี้นายกนัฐมนตรีร่วมรับรอง "วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยอาเซียนที่แน่นแฟ้นและตอบสนอง" และขอแสดงความมุ่งมั่นของไทยที่ร่วมกับทุกภาคี เพื่อให้อาเซียนเป็นประชาคมของประชาชน ที่ทุกคนก้าวไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้นๆ ถึงกรณีที่มีถ้อยแถลงต่อที่ประชุมอาเซียน ถึงประเทศที่มีความพร้อม ในการเปิดเดินทางระหว่างกัน ว่าตอนนี้ยังไม่มีการพิจารณา เพราะยังต้องมีการหารือระหว่างกัน โดยต้องใช้เวลา และดูสถานการณ์ทั้งภายนอก-ภายใน และต้องมีความพร้อม โดยต้องดูเฉพาะกลุ่ม รวมถึงเฉพาะไฟท์ ทุกอย่างมีรายละเอียด จะผลีพล่ามไม่ได้ เพราะจะเกิดอันตราย รัฐบาลได้คำนึงถึงสุขภาพของคนภายในประเทศอย่างเข้มงวด เราต้องทำไปควบคู่ ไม่เช่นนั้น จะเดินหน้าไปไม่ได้ทั้งหมด และแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :