นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)เดินทางมาร่วมประชุม คสช.ภายหลังการประชุมแล้วเสร็จ ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับความไม่ชัดเจนในสูตรการคำนวณหา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยระบุเพียงว่า ให้ไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ขอออกความเห็น เพราะถือว่าหมดหน้าที่แล้ว เมื่อถามว่าปวดหัวในประเด็นสูตรการคำนวณหรือไม่ นายมีชัย ตอบว่า “ไม่”

ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.นครปฐม เขต 1 ว่า  ความผิดพลาดของคนและกฎหมายที่เปิดช่องให้วินิจฉัยต่าง กำลังทำลายความน่าเชื่อถือของ กกต. กรณีการนับคะแนนใหม่ของ เขต 1 นครปฐม กำลังเป็นตัวบ่งบอกปัญหาที่สำคัญในการจัดการเลือกตั้งของ กกต.อย่างน้อย 2 ประการ คือ 1.สิ่งที่เรียกว่าความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ หรือเรียกว่าฮิวแมน เออเรอร์ (human error)

เช่น การขานบัตรผิด การแจงนับ ไปจนถึงการรวมคะแนนผิด ดังปรากฏการณ์ที่ประกาศผลว่า อนาคตใหม่ชนะ แล้วกลับมาบอกใหม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ชนะ เนื่องจากการรวมคะแนนผิด กรณีฮิวแมน เออเรอร์ หากโดยพลั้งเผลอ ก็เป็นปัญหาการขาดความเป็นมืออาชีพ แต่หากเจตนา ก็เป็นการทุจริตโดยเจ้าหน้าที่ 2.การปัญหาวินิจฉัยที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นบัตรดีบัตรเสีย 

โดยจะเห็นได้ว่า คะแนนของทั้งพรรคประชาธิปัตย์และอนาคตใหม่ แตกต่างไปจากเดิม ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์เดิมได้ 35,762 คะแนน แต่นับใหม่ได้ 35,711 คะแนน ลดลง 51 คะแนน ส่วนของพรรคอนาคตใหม่ เดิม 35,615 คะแนน แต่นับใหม่ได้ 35,707 คะแนน เพิ่มขึ้น 92 คะแนน ซึ่งความแตกต่างที่เกิดขึ้นมีสาเหตุหลักน่าจะมาจากการวินิจฉัยบัตรดี-บัตรเสีย ที่ กรรมการประจำหน่วยแต่ละชุดอาจจะมีการพิจารณาที่แตกต่างกัน เช่น บัตรของพรรคประชาธิปัตย์ ที่รอบแรกอาจเห็นเป็นบัตรดี แต่รอบนี้เป็นบัตรเสีย ทำให้คะแนนครั้งที่ 2 ลดลง เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอย่างไร เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องถอดบทเรียน และเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขในการจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไป หาก กกต.ชุดนี้ยังอยู่จัดการเลือกตั้ง