วันที่ 8 เม.ย. 2565 ที่ชุมชนเลียบคลองบางแค เขตบางแค ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคเพื่อไทย นำโดย พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ส.ก. พรรคเพื่อไทย วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. ดนุพร ปุณณกันต์ เลขาธิการการเลือกตั้ง ส.ก. และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ผอ.ด้านนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ก. จากหลายเขตฝั่งธนบุรี ลงพื้นที่หาเสียง พร้อมนำเสนอนโยบายในภาพรวมที่จะผลักดันต่อในอนาคต โดยเขตบางแคเป็นจุดแรกที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัว เอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางแค
วิชาญ กล่าวว่า ครั้งนี้ที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เพราะไม่ได้มีคนที่มีความเหมาะสมตามที่พรรคเพื่อไทยได้วางไว้ อย่างไรก็ตาม ส.ก. ถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ เพราะเป็นผู้อนุมัติงบประมาณให้กับโครงการต่างๆ ของผู้ว่าฯ กทม. จึงมีความพิถีพิถันในการคัดสรรผู้สมัครจากแต่ละเขต โดยได้มอบหมายให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อรับผู้สมัครจากทั้ง 50 เขต และได้กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครไว้อย่างเข้มงวด จนได้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ หลากหลายสาขาอาชีพและช่วงวัยมาเป็นผู้สมัคร ส.ก. ทั้ง 50 เขต
ดนุพร ระบุว่า วันนี้เป็นโอกาสที่เราจะนำพาประชาธิปไตยกลับมาสู่ประเทศไทย พรรคเพื่อไทยไม่เคยหมดหวัง แม้จะถูกปฏิวัติรัฐประหารมาถึง 2 ครั้ง แต่ยังคงจะมุ่งมั่นทำงานคิดนโยบายที่ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ภายใต้แนวคิดหลักในครั้งนี้คือสร้างความมั่งคั่งให้คนกรุงเทพฯ เพราะเราจะไปถึงฝั่งฝันไม่ได้ ถ้าครอบครัวยังประสบความลำบากอยู่ จึงได้เสนอ 5 แนว นโยบายหลัก ประกอบด้วย
1) 437 สถานศึกษา สร้างรายได้
2) กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท
3) 50 เขต 50 ซอฟต์เพาเวอร์
4) 30 บาท ถึงที่หมาย
5) 50 เขต 50 โรงพยาบาล
ขณะที่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2544 ที่มีการเลือกตั้งมา ไม่ว่าจะถูกยุบไปกี่ครั้ง พรรคในตระกูลเพื่อไทย ยังคงได้รับคะแนนเสียงสูงสุดเสมอ พรรคเพื่อไทยชนะได้ด้วยปัจจัย 3 ประการ คือมีผู้นำที่ดี ชนะใจประชาชน มีนโยบายที่ดีสามารถแก้ปัญหาประชาชนได้ และที่สำคัญคือ มีความใกล้ชิดอยู่ในหัวใจของประชาชน
"วันที่ 22 พ.ค.นี้ จะเป็นวันที่เราได้พลิกฟื้นสิ่งที่เราทนทุกข์อยู่ หลังการรัฐประหารปี 2557 ครบรอบปีที่ 8 เขาชนะเราด้วยการเลือกตั้งไม่ได้ ก็เอาทหารมายึดอำนาจไป พรรคเพื่อไทยชนะอันดับ 1 แต่ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะเขาเอาเสียงของเขาที่กองไว้ล่วงหน้า 250 คะแนน มาโหวตคนที่แพ้การเลือกตั้งมาเป็นนายกฯ" นพ.พรหมินทร์ กล่าว
นพ.พรหมินทร์ กล่าวถึงนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทว่า สืบเนื่องตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ที่ตนเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีโครงการกองทุนหมู่บ้าน ใช้หลักประชาธิปไตย คืนอำนาจให้ประชาชน บริหารเม็ดเงินเอง แทนที่จะให้ข้าราชการที่ไม่ได้มีความเข้าใจในปัญหาของชุมชนมาจัดการแทน เปิดโอกาสให้ประชาชนมากู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ให้อำนาจในการตัดสินใจแก่ประชาชน เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยที่กินได้ 200,000 บาท ต่อปีต่อชุมชน โดยมีเงื่อนไขว่าผู้จัดการเงินต้องเป็นกรรมการชุมชน
นโยบายในครั้งนี้ตั้งอยู่บนปรัชญาหลัก คือ '3 ลด 3 เพิ่ม' ได้แก่ ลดรายจ่าย-ลดเวลาในการเดินทาง-ลดความเสี่ยง และ เพิ่มรายได้-เพิ่มความสบายใจ-เพิ่มความปลอดภัย เราจึงมั่นใจว่าท่านจะให้ความไว้วางใจ ที่จะส่งตัวแทนของพรรคเพื่อไทยเข้าไปเป็น ส.ก.
ด้าน พวงเพ็ชร กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครจากหลายฝ่าย หลายพรรคการเมือง และนำเสนอหลายนโยบาย แต่อย่ามั่นใจว่าเขาจะทำได้จริงทั้งหมด ไม่ใช่การจู่โจม แต่ขอให้มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายชัดเจน และทำได้จริงทุกนโยบาย
"ประชาชนทุกคนต้องออกไปรักษาสิทธิ เราไม่ได้เลือกตั้ง ส.ก.มานาน 12 ปี และต้องทนทุกข์กับผู้ว่าฯ ที่มาจากการแต่งตั้ง ม.44 ตลอด 8 ปี ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ และโรคระบาด"
เอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางแค เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าพี่น้องประชาชนยังต้องเผชิญปัญหาหลายอย่างจากการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพของภาครัฐ ทำให้ละเลยการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร ส.ก. ทุกคน มุ่งมั่นที่จะทำลายอุปสรรคปัญหาเหล่านี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
จากนั้นเป็นการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเห็นต่อนโยบายกับประชาชนในชุมชน แล้วผู้สมัคร ส.ก. พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกันเดินลงพื้นที่พบปะรัฐวิสาหกิจชุมชนสุขสำราญ ที่มีการทำขนมงาพอง แห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่ส่งออกขายทั่วประเทศ และเดินชมประตูระบายน้ำคลองบางแค