สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ออกมาแถลงล่าสุดว่า สินค้านำเข้าบางประเภทจากจีนจะได้รับการยกเว้นการขึ้นภาษีร้อยละ 10 จากกำหนดการเดิมในวันที่ 1 กันยายน เป็น 15 ธันวาคม 2562 โดยให้เหตุผลว่าเป็นไปเพื่อ "สุขภาวะ ความปลอดภัย ความมั่นคงของประเทศ และปัจจัยอื่นๆ"
การประกาศดังกล่าว เกิดขึ้นไม่กี่นาทีหลังจากที่ 'หลิว เหอ' รองนายกรัฐมนตรีของจีน พูดคุยทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐฯ
สำหรับสินค้าที่จะได้รับอานิสงส์จากการประกาศเลื่อนมาตรการภาษีครั้งนี้จัดอยู่ในหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องนุ่งห่ม ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์พกพา, เครื่องเล่นวิดีโอเกม, หน้าจอคอมพิวเตอร์, ของเล่นบางชนิด รวมไปถึงรองเท้าและเสื้อผ้า
'โดนัลด์' ทรัมป์' ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาตอบคำถามกับนักข่าวว่า การเลื่อนมาตรการขึ้นภาษีครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการช่วยให้ประชาชนอเมริกันสามารถจับจ่ายใช้สอยในช่วงคริสต์มาสที่จะมาถึงปลายปี
อีกทั้ง ในทวิตเตอร์ส่วนตัวของทรัมป์ ยังมีทวีตข้อความที่มีนัยถึงการเจรจาทางการค้าที่ดีขึ้น โดยทวีตดังกล่าวมีใจความว่า
"เหมือนเคย จีนออกมาบอกว่าพวกเขาจะซื้อสินค้า 'จำนวนมาก' จากเกษตรกรที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกา แต่ที่ผ่านมาพวกเขาก็ยังไม่ทำอย่างที่พูด แต่ครั้งนี้คงจะแตกต่างออกไป!"
ข่าวดีวงการเทคโนโลยี
หลังมีการประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีออกไป ผู้ลงทุนในฝั่งเทคโนโลยีก็ออกมายินดีกับข่าวกันถ้วนหน้า ส่งผลให้ดัชนีหุ้นที่มีความมั่นคงปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 2.8 ขณะที่หุ้นของผู้ค้าปลีกและอุตสาหกรรมก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยหุ้นของบริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก หรือ จีอี พุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 4.4
ฝั่งตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 3 ดัชนีหุ้นหลัก พาเหรดกันปรับตัวสูงขึ้นทั้งหมด โดยดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 1.4 ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีอย่างแนสแดค ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 1.9 โดยเป็นผลส่วนหนึ่งจากการที่หุ้นของไอโฟนพุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 4
แม้จะมีการปรับตัวดีขึ้นในตลาดการลงทุนหลังจากได้ยินข่าวดีนี้ แต่นักวิเคราะห์หลายคนก็ออกมาเตือนว่า นี่ไม่ใช่จุดจบของสงคราม
'เอเลนา ดักการ์' ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจจัดอันดับเครดิตพันธบัตรมูดีส์ กล่าวว่า ภาวะการชะลอตัวของความตึงเครียดต่อเนื่องนี้อาจเป็นแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจยังคงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง และสามารถขึ้นลงได้เสมอ
ทั้งนี้ การเจรจารอบต่อไปของทั้งสหรัฐฯ และจีนจะจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ ในเดือนกันยายน แต่การโต้ตอบกันไปมาในรอบ 2 สัปดาห์นี้ ก็ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลว่าโต๊ะเจรจาจะถูกล้มหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง;