“ถ้าจะด่า จะตำหนิ ท่านมาด่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผมน้อมรับคำตำหนิการเเสดงความคิดเห็นทุกอย่าง ท่านมาด่าผม เพราะผมเป็นผู้บัญชาการทหารบก" 

เป็นประโยคถ้อยแถลงของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. แถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2563 ที่ บก.ทบ. พร้อมกับหลั่งน้ำตา โดยขอโทษและเเสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญคนไทยทั้งประเทศและที่ทหารยศ จ.ส.อ. ภายใต้สังกัดกองทัพบก กราดยิงประชาชนที่ จ.นครราชสีมาเมื่อวันที่ 8-9 ก.พ. 2563 

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ย้ำเหตุการณ์ดังกล่าวต้องยกเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก 

"สิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้คือพฤติกรรมเลียนแบบ ในการใช้โซเซียลมีเดีย ก็ต้องลดความรุนแรงลง พร้อมฝากให้ทุกคนระมัดระวังลูกหลานในเรื่องการเล่นเกมอะไรต่างๆด้วย ขอให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ ไม่เช่นนั้นประชาชนที่มีปัญหา" พล.อ.ประยุทธ์ แถลงเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2563

แม้เจ้ากระทรวงกลาโหม และผู้นำกองทัพบก จะยืนยันไม่แสดงความรับผิดชอบในตำแหน่งหน้าที่ และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิด

ทว่าภัยความมั่นคงที่เกิดขึ้นล่าสุดย่อมเลี่ยงไม่ได้ว่าภาครัฐและฝ่ายความมั่นคง กำลังจะเผชิญบททดสอบสำคัญคือ การป้องกันและรับมือกับมิติปัญหาความมั่นคงในเมือง หรือความมั่นคงในสาธารณะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน

ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการทหารและความมั่นคงในกองทัพ ให้สัมภาษณ์ ‘วอยซ์ออนไลน์’ โดยชี้ว่าปัญหาในขณะนี้จะไม่ใช่แค่เรื่องการปฏิรูปกองทัพเท่านั้นแล้ว และสิ่งที่สังคมไทยและกองทัพไทยต้องกล้าลงทุนมากกว่ามิติด้านความมั่นคงทางทหาร คือการรับมือเตรียมพร้อมกับความมั่นคงในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ๆ ของประเทศ

• เหตุการณ์กราดยิงที่นครราชสีมาล่าสุดสะท้อนปัญหาอะไรภายในกองทัพ

เริ่มต้นบทสัมภาษณ์ ศ.ดร.สุรชาติ ฉายให้เห็นภาพรวมที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงในศูนย์การค้ากลางเมืองโคราช และยิงผู้บังคับบัญชาในค่ายทหาร โดยหยิบยกเหตุการณ์ในต่างประเทศที่มีข่าวออกสื่อถึงการใช้อาวุธปืนกราดยิงประชาชน รวมถึงตัวอย่างล่าสุดจากกรณีที่คนร้ายใช้อาวุธปืนปล้นทองในห้างสรรพสินค้า จ.ลพบุรี เมื่อเดือน ม.ค. 2563 

"ถ้าผู้ก่อเหตุมีเงื่อนไขทางการเมือง มีอุดมการณ์หรือศาสนาทางการเมืองมันจะเข้าข่ายกรณีผู้ก่อการร้ายจริงๆ แปลว่าในลักษณะที่เราเห็นจากตัวแบบที่โคราช จ.นครราชสีมา ผมคิดว่าสิ่งที่ต้องคิดต่อคือสังคมไทยกำลังเผชิญโจทย์ความมั่นคงในปัญหาความมั่นคงเมือง ย้อนกลับไปเราจะเห็นกรณีการก่อเหตุในช่วงเคาต์ดาวน์ของปี 2549 ต่อปี 2550 ที่มีการวางระเบิดถึง 8 จุดในกรุงเทพฯ รวมถึงกรณีศาลพระพรหมฯ ที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ รวมถึงกรณีเหตุระเบิด 7 จุดจากภาคใต้ นั่นเป็นตัวอย่างของลักษณะการก่อเหตุร้ายในเมืองเกือบทั้งสิ้น ผมว่ามาตรการรับมือเราอาจไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้มากเท่าที่ควร"

โจทย์ความมั่นคงในระยะหลังของไทยแม้จะให้ความสำคัญกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และไม่ได้ตั้งรับกับภัยความมั่นคงในโลกยุคสมัยใหม่ นั่นจึงทำให้ ศ.ดร.สุรชาติ มองว่า จะคิดเพียงมิติความมั่นคงทางทหารมิติเดียวไม่ได้ ดังนั้น วันนี้สังคมไทยและรัฐบาลต้องคิดกันใหม่ว่าโจทย์ความมั่นคงของไทยอาจจะไม่ใช่โจทย์ที่เกี่ยวกับสงครามใหญ่อีกต่อไป

อย่างกรณีทหารยศ จ.ส.อ.ที่ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุยิงประชาชนและเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราชจนเสียชีวิต เป็นผลให้เกิดคำถามว่าตกลงเกิดอะไรในกองทัพบก

"เป็นไปได้ไหมว่าในอนาคตมาตรการในการควบคุมคลังแสง คลังสรรพาวุธ หรือบรรดาคลังอาวุธอาจจะต้องเข้มงวดมากขึ้น ผมว่าเราไม่ต้องพูดกันเรื่องสถานการณ์มีความหละหลวมอะไรไหม แต่ผมคิดว่าโจทย์คำตอบอันนี้ชัดคือ ทำอย่างไรที่ภาครัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายงานกระทรวงกลาโหมจะต้องสร้างมาตรการและความเข้มงวดและมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่มากกว่านี้ในส่วนที่เป็นคลังแสง คลังสรรพาวุธทั้งหมด ไม่ใช่รวมแค่อาวุธ แต่รวมถึงคลังวัตถุระเบิดด้วย" 

ศ.ดร.สุรชาติ ย้ำว่า "ผมเชื่อว่าสังคมมีคำถาม เกิดอะไรขึ้นที่กำลังพลภายในกองทัพ ตัดสินใจก่อเหตุและสังหารบุคคลที่เป็นผู้บังคับบัญชา แสดงว่าต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น แสดงว่าสิ่งที่เราเห็น มันกำลังซ้อนโจทย์ชุดใหญ่ตกลงการจัดความสัมพันธ์ระหว่างทหารที่เป็นสัญญาบัตรกับนายทหารชั้นประทวนภายในกองทัพ อาจจะต้องหันกลับมาให้ความสำคัญ การบังคับบัญชาที่มีแต่ความเข้มงวด หรือการบังคับบัญชาที่ใช้อำนาจในการลงโทษเกิดกว่าสิทธิและเกินกว่ากฎหมายทหารที่อนุญาตให้ผู้บังคับบัญชาทำอาจจะต้องถูกตรวจสอบ"

"กองทัพไทยถูกสร้างมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 มีกรอบของการลงโทษทางวินัยทหารอยู่พอสมควร แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ล่าสุดในโคราช เราจะพูดถึงการปฏิรูปกองทัพไม่ได้แล้ว แต่ต้องทำอย่างที่จะปฏิรูปความเป็นอยู่ของคนในกองทัพด้วย ปฏิรูปความสัมพันธ์ระหว่างคนที่เป็นนายทหารสัญญาบัตรกับนายทหารชั้นประทวน หรืออีกนัยหนึ่งคือ ความสัมพันธ์ที่เกิดกับบรรดาลูกหลานเราที่ถูกเกณฑ์เข้ามาอยู่ในกองทัพแล้วถูกปฏิบัติบางอย่างที่ไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง"

ประเด็นความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์ของผู้ใต้บังคับบัญชากับผู้บังคับบัญชาจนเป็นชนวนเหตุนองเลือดการสังหารโหดกลางเมืองใหญ่ในภาคอีสานนั้น ศ.ดร.สุรชาติ ระบุว่า ถ้าสมมติวันนี้มีความชัดเจนว่าธุรกิจที่ไม่โปร่งใสกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งและนำไปสู่ความรุนแรง เป็นไปได้หรือไม่ว่าธุรกิจที่มีอยู่ในทุกเหล่าทัพควรต้องหยุดและเปิดทางให้มีการตรวจสอบ แม้เดิมทีธุรกิจเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นด้วยเหตุผลทางการเมืองบางอย่าง

"ผมเชื่อว่าตัวอย่างของโครงการบ้านจัดสรรที่เป็นปัญหาไม่ได้มีอยู่แค่ในกรณีกองทัพภาคที่ 2 แต่มีอยู่ในทุกที่ของกองทัพ ดังนั้น กองทัพต้องกล้าที่จะลงไปจัดการเพื่อที่จะให้โครงการเหล่านี้ยุติหรือในบางกรณีอาจจะต้องมีการตรวจสอบด้วยความเข้มงวด"

• ถ้าเทียบในต่างประเทศกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้ที่ควบคุมหน่วยงานนั้นๆ ต้องมีส่วนแสดงความรับผิดชอบหรือไม่

ผมคิดว่าต้องแสดงความรับผิดชอบในเบื้องต้น แต่ปัญหาบ้านเรา เรามักจะมีความรู้สึกว่าถ้าเป็นเรื่องของทหาร เป็นเรื่องของทางการเมืองเราไม่ค่อยเห็นความรับผิดชอบในเบื้องต้นเท่าไหร่ เมื่อเราไม่เห็นความรับผิดชอบในเบื้องต้นก็แปลว่าหน่วยงานพวกนั้น ถ้าจะไม่รับผิดชอบกับสังคม ไม่รับผิดชอบกับประชาชน ก็มักจะจบลงด้วย สองอย่างคือผู้แทนวางหรีดหน้าหีบศพกับเงินไปเยียวยากับญาติผู้เสียชีวิต ผมเชื่อว่าวันนี้เราอยากเห็นความรับผิดชอบที่มากขึ้น จะถึงขั้นลาออกหรือไม่นั้น ผมว่าไม่ใช่ประเด็นที่ผมเรียกร้อง แต่ผมอยากเห็นความรับผิดชอบที่ไม่ใช่เพียงการออกมาพูดแสดงความรู้สึกที่ไม่มีความชัดเจนว่า ในที่สุดเราจะมีมาตรการใดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกองทัพบกและกระทรวงกลาโหมจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร

ผมเชื่อว่าวันนี้ถ้าเหตุการณ์ในลักษณะที่เราเห็นที่โคราชเกิดในต่างประเทศ เราจะเห็นคนลาออกจากตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นในฝ่ายการเมืองหรือในฝ่ายทหารเองก็ตาม วันนี้เราจะเห็นว่าฝ่ายการเมืองพยายามโยนว่าปัญหานี้เกิดจากมูลเหตุส่วนตัว การชี้แจงด้วยคำตอบอย่างนี้ เท่ากับกำลังตอบว่าฝ่ายการเมืองมองว่าเหตุที่เกิดขึ้นฝ่ายการเมืองไม่มีส่วนรับผิดชอบ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหม จริงๆ แล้วเหตุการณ์อย่างนี้ มีนัยโดยตรงกับสถานะของการเป็น รมว.กลาโหม แต่ถ้า รมว.กลาโหมกลาโหมตอบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว เท่ากับตอบว่ากระทรวงกลาโหมไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ผมย้ำว่าเหตุนี้ถ้าเกิดในต่างประเทศ ไม่แต่เพียงจะมีการตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มงวดเท่านั้น แต่ในเบื้องต้นต้องมีคนลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"การแถลงของผู้นำทหารไม่ตอบโจทย์อะไรทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผู้นำทหารออกมาถึงขั้นแสดงความเสียใจด้วยการร้องไห้ ผมว่าไม่ได้ตอบโจทย์ว่าตกลงว่าสุดท้ายกองทัพบกจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะฉะนั้นมาถึงจุดนี้ผมเชื่อว่าสังคมอยากเห็นความรับผิดชอบที่เป็นจริง"

• พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ บอกว่า ต่อจากนี้จะมีการตรวจสอบผู้บังคับบัญชาที่อาจจะให้ความไม่เป็นธรรมกับผู้ใต้บังคับบัญชา ตรงนี้จะแก้ปัญหาเยียวยาปัญหากำลังพลในกองทัพได้แค่ไหน

ผมคิดว่าชัดเจนคือธุรกิจที่ไม่โปร่งใส ธุรกิจที่ไม่ชอบมาพากลที่ผู้บังคับบัญชากระทำหรือใช้ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นลูกค้า ผมคิดว่ามาถึงวันนี้กองทัพบกต้องกล้าประกาศรวมถึงมากกว่ากองทัพบกคือภายในกองทัพ ต้องยุติโครงการนี้ทั้งหมด ผมคิดว่าในกรณีกองทัพบ้านจัดสรรชุดนี้เป็นตัวอย่างเบื้องต้นที่ทำให้เราเห็น คงต้องใช้คำว่าเห็นด้านมืดของกองทัพ ซึ่งคนไม่เคยเห็นมาก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เรื่องนี้มีการทำกันมาเป็นระยะพอสมควร แต่วันนี้มันเกิดปัญหา เพราะเมื่อผู้เสียหายไม่ได้ตัดสินใจร้องเรียน แต่ตัดสินใจใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือส่งสัญญาณถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น หรือใช้กรณีของการก่อเหตุร้ายเป็นเครื่องมือของการส่งสัญญาณถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในกองทัพบก ผมคิดว่ามาถึงวันนี้กองทัพบกต้องกล้าประกาศที่จะยุติโครงการที่ไม่โปร่งใสเหล่านี้ทั้งหมด

วันนี้กองทัพไทยต้องตระหนักว่ากองทัพไม่ได้กำเนิดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้มีการทำธุรกิจที่ไม่โปร่งใสโดยอาศัยสถาบันกองทัพเป็นเครื่องมือ ผมคิดว่าวันนี้ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารไทยต้องตระหนัก เพราะนี่คือการทำลายสถาบันกองทัพอีกชุดหนึ่ง

ถ้าจะยกสถานะกองทัพไทยในเป็นกองทัพสากลที่มีมาตรฐานแบบทั่วโลก โครงการที่ไม่ชอบมาพากล โครงการที่ไม่โปร่งใส หรือโครงการธุรกิจที่อยู่ในลักษณะของการทำมาหากินโดยอาศัยสถาบันกองทัพเป็นเครื่องมือต้องยุติ และกระทรวงกลาโหมต้องกล้าที่จะเป็นผู้นำ

“ถ้าต้นทางของการก่อเหตุร้ายเป็นเรื่องอาวุธปืน วันนี้สังคมไทยอาจจะต้องออกกฎหมายควบคุมการมีและใช้อาวุธปืน เหมือนอย่างกรณีสังคมอเมริกันซึ่งใครที่ดูการเลือกตั้งสหรัฐฯ ใครที่ดูการเมืองสหรัฐฯ รวมถึงการเมืองทางยุโรปเองก็มีข้อถกเถียงมากขึ้นคือการออกกฎหมายควบคุมการมีอาวุธปืนอย่างเสรีในสังคม”

• พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมต้องเข้ามาสะสางปฏิรูปความเป็นอยู่กองทัพมากน้อยแค่ไหน

ผมคิดว่าพอผู้นำทหารเป็นฝ่ายการเมืองก็อาจจะรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก เพราะอาจจะมองว่านี่เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารก็ทำกันอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่วันนี้กระทรวงกลาโหมต้องกล้าทำคือ ต้องตั้งกรรมการสอบและมีคำตอบที่ชัดเจน และในการสอบต้องไม่ใช่การสอบแบบในกรณีที่มีทหารเกณฑ์ตาย สอบเสร็จแล้วไม่มีผู้รับผิดชอบ ไม่มีการลงโทษแต่วันนี้เหตุอย่างนี้ ผมคิดว่ามีความชัดเจนคือ มีผู้กระทำผิดและผมคิดว่าต้องมีมาตราการที่ชัดเจนว่า ตกลงผู้ที่กระทำความผิดอะไรคือสิ่งที่กองทัพต้องทำ

• ระยะหลังฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายกองทัพไม่มีมาตรการป้องกันสิ่งที่เรียกว่าการก่อการร้ายหรือการกราดยิงซึ่งเป็นความปลอดภัยในตัวเมืองของประเทศ

เหตุการณ์ชุดนี้ (ที่โคราช) คงไม่เข้าข่ายก่อการร้าย เพราะผู้ก่อเหตุไม่ได้ก่อเหตุไม่ได้ก่อเหตุด้วยอุดมการณ์ถ้าการเมืองหรือไม่ได้ก่อเหตุด้วยเงื่อนไขของการเชื่อ ความศรัทธาทางศาสนา เพราะฉะนั้นส่วนหนึ่งอาจจะเป็นมูลเหตุของสภาวะทางจิตของผู้ก่อเหตุ แต่โดยเงื่อนไขแล้วลักษณะของการกราดยิงในที่ชุมชนมันใกล้เคียงกับการก่อการร้าย แปลว่าโจทย์ชุดนี้กำลังส่งสัญญาณในมิติหนึ่งคือปัญหาความมั่นคงของเมือง และเป็นภาพสะท้อนของความมั่นคงสาธารณะ (Public security) ทำอย่างไรที่รัฐจะสามารถให้หลักประกันกับชีวิตของผู้คนในสังคมในพื้นที่เปิดที่เป็นพื้นที่สาธารณะ

ขณะเดียวกัน ผู้นำทหารไทยที่ขึ้นมาเป็นฝ่ายทางการเมืองในช่วงหลังๆ มักจะสนใจมิติความมั่นคงแบบเดียวคือเชื่อว่าประเทศไทยมีความมั่นคงมิติทหารเท่านั้น หรือถ้าจะพูดก็คือเน้นความสนใจกับ Military security (ความมั่นคงทางทหาร) แต่ไม่สนใจความมั่นคงสาธารณะ หรือแม้กระทั่งวันนี้ความมั่นคงมีหลากหลายมิติ เช่น วันนี้เราเผชิญกับโรคระบาด เผชิญกับปัญหาฝุ่น คือ ปัญหาความมั่นคงด้านสุขภาพก็จะเห็นชัด รัฐไม่มีมาตรการ รัฐไม่มีการลงทุนอย่างจริงจัง

วันนี้ในโลกสมัยใหม่ ความมั่นคงส่วนหนึ่งเป็นความมั่นคงของเมือง ดังนั้น โอกาสที่เกิดขึ้นล่าสุดจะต้องมีการปรับงานความมั่นคงไทยทั้งระบบ ปฏิรูปกองทัพ และการปฏิรูปกองทัพ วันนี้ต้องคิดถึงคนในกองทัพ วันนี้การเอารัดเอาเปรียบ การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในกองทัพต้องยุติและหากยังมีเกิดขึ้นต้องมีการสอบสวน

"ถ้าจะยกสถานะกองทัพไทยในเป็นกองทัพสากลที่มีมาตรฐานแบบทั่วโลก โครงการที่ไม่ชอบมาพากล โครงการที่ไม่โปร่งใส หรือโครงการธุรกิจที่อยู่ในลักษณะของการทำมาหากินโดยอาศัยสถาบันกองทัพเป็นเครื่องมือต้องยุติ”

• ในต่างประเทศเกิดเหตุการณ์ปัญหาความมั่นคงสาธารณะเยอะไหม แล้วแก้ปัญหายังไง

ผมคิดว่าเหตุการณ์การกราดยิงในต่างประเทศถ้าเกิดว่าอยู่ในสังคมอเมริกัน เป็นสิ่งที่สังคมอเมริกันเผชิญพอสมควร เราจะเห็นการกราดยิงในที่โรงเรียน ในชุมชน หรือในโบสถ์ ก็ตาม ถ้าเป็นอย่างนี้ ถ้าเราเห็นเหตุการณ์ที่โคราชแล้วอยู่ในสหรัฐฯ จะมีคนออกมาเรียกร้องทันทีให้ผลักดันและออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืน วันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เรื่องของอาวุธปืนถือว่าค่อนข้างเสรี เป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคที่จำนวนอาวุธปืนมีจำนวนสูงมาก

คนอาจจะบอกว่าการที่ผมพูดอย่างนี้มันเป็นตัวแบบของตะวันตกหรือตัวแบบของสหรัฐฯ แต่ถ้าต้นทางของการก่อเหตุร้ายเป็นเรื่องอาวุธปืน วันนี้สังคมไทยอาจจะต้องออกกฎหมายควบคุมการมีและใช้อาวุธปืน เหมือนอย่างกรณีสังคมอเมริกันซึ่งใครที่ดูการเลือกตั้งสหรัฐฯ ใครที่ดูการเมืองสหรัฐฯ รวมถึงการเมืองทางยุโรปเองก็มีข้อถกเถียงมากขึ้นคือการออกกฎหมายควบคุมการมีอาวุธปืนอย่างเสรีในสังคม

• ประเทศไทยต้องมีมาตรการหรือออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืน

ผมคิดว่าจุดหมายในจุดหนึ่งต้องออก คนไม่สามารถมีอาวุธได้อย่างเสรี ผมคิดว่าตัวแบบสังคมอเมริกันที่เผชิญกับการกราดยิงในที่สาธารณะมาก่อนเรา แล้วมีเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่าเป็นคำเตือน และหนึ่งในข้อเสนอในการแก้ปัญหาคือการควบคุมการมีอาวุธปืน ผมไม่ได้บอกว่าออกกฎหมายนี้แล้วเหตุการณ์อย่างนี้จะจบ แต่เป็นส่วนหนึ่งที่จะควบคุมมาตรการความรุนแรงในสังคม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• 'อภิรัชต์' ขอโทษ เผยมูลเหตุ 'จ่าสิบเอกกราดยิง' เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา
• 'ประยุทธ์' ห่วงลูกหลานติดเกมเลียนแบบความรุนแรง ย้ำป้องกันเหตุซ้ำรอยโคราช
• พลิกเส้นทางทหาร ‘อภิรัชต์’ ดีเอ็นเอ 'สุนทร' - กับบทผู้นำกองทัพทะลวงฟันขั้วการเมือง
• 'ประยุทธ์' แจงไม่หละหลวมคุมยุทโธปกรณ์ ย้ำกองทัพจัดระเบียบมาร้อยกว่าปีแล้ว
• 'สุรชาติ' วิเคราะห์ 'ยึด-ยุบ-ยื้อ-ลาออก-ม็อบ' 12 ยกการเมืองปี 63 ในปลายนวม 'ประยุทธ์'
• 'บูรพาพยัคฆ์'ถ่ายอำนาจสู่'วงษ์สุวรรณ' - 'สุรชาติ บำรุงสุข’ ชี้เงื่อนไขล้มกระดาน รบ.ผสมปริ่มน้ำ