วันที่ 22 ส.ค. 2565 ภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2565 ผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยนายกฯ ได้หยุดเดินระหว่างขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า และหันมารับไหว้สื่อมวลชน พร้อมปฏิเสธการตอบคำถามกรณีผู้ชุมนุมนัดเคลื่อนไหวในวันที่ 23-24 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันครบวาระ​การดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี​​ โดย พล.อ.ประยุทธ์ หันมายกมือเบรกคำถามสื่อมวลชน 

ขณะที่ อนุชา​ บูรพชัยศรี​ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง​ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการสั่งการหรือกำชับอะไรเป็นพิเศษในที่ประชุม เนื่องจากวันนี้เป็นการประชุมเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องการประเมินผล รวมไปถึงมีการนำเสนอประเด็นใหม่ๆ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินการตามวิสัยทัศน์ของชาติ ซึ่งจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาในอนาคต

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการพูดถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้หรือไม่ เนื่องจากมีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง​ อนุชา​ กล่าวว่า ในที่ประชุมยุทธศาสตร์ชาติวันเดียวกันนี้ ไม่ได้มีการพูดถึงสถานการณ์การชุมนุมอะไรทั้งสิ้น แต่ในที่ประชุมวันนี้มี ประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึงประธานวุฒิสภา เข้าร่วม ซึ่งเป็นเพียงการพิจารณาวาระการประชุมที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดผลรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน

เมื่อถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการอะไรเพื่อรับกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ อนุชา​ กล่าวว่า​ ยังไม่ได้มีการสั่งการอะไรเพิ่มเติม ในส่วนของผู้ที่รับผิดชอบในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ก็จะมีการประชุมเพื่อที่จะซักซ้อมการทำความเข้าใจ เรื่องกระบวนการการเตรียมความพร้อม ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อมีกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่าจะมาชุมนุมอย่างสถานที่ต่างๆ ซึ่งใกล้กับทำเนียบรัฐบาล ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการประชุมกัน ในการเตรียมความพร้อมเรื่องเส้นทาง หรือแนวทางการเจรจาในเบื้องต้น พร้อมยืนยันว่าในวันพรุ่งนี้นายกรัฐมนตรี จะร่วมกันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามปกติ

เมื่อถามต่อว่า หลังจากนี้นายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ตามปกติหรือไม่ ระหว่างที่รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อนุช​า​ ยอมรับว่า​ ใช่​ โดยไม่อยากให้ประชาชนได้ติดตามเรื่องกระบวนการที่จะมีการพิจารณาตามขั้นตอนตามกระบวนการทางกฎหมาย ฉะนั้นการที่จะไปคาดคะเนในเรื่องต่างๆทั้งหมดตนคิดว่า อาจจะไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายใด เพราะฉะนั้น อยากให้ทุกอย่างเข้าไปอยู่ในกระบวนการที่มีขั้นตอนอยู่แล้ว ส่วนผลจะออกมาอย่างไรนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการ​ ส่วนผลคำวินิจฉัยออกมาเป็นเช่นไรนั้น ก็ต้องให้ความเคารพทุกอย่างอยู่แล้ว เหมือนกับประชาชนทั่วไป