ไม่พบผลการค้นหา
ผู้ว่าโคราชเอาจริงสั่งห้ามขายเหล้า-ห้ามเล่นสงกรานต์ทุกระดับ-ปิดเขื่อนอ่างเก็บน้ำ 29 แห่ง ลั่นฝ่าฝืนจับดำเนินคดี ฟากสภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่บุกจับวงเหล้าคลายเครียดโควิด ชี้สั่งปรับ 3 พันบาท กักตัวอยู่บ้าน 7 วัน ยะลาให้ 7 คนไทยกลับจากวาดะห์อินโดฯ กลับบ้าน หลังพ้นกักตัวโดยทางการ 14 วัน

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมาได้ประกาศปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคติดต่ออันตราย ตามคำสั่งจังหวัดนครราชสีมา คำสั่งที่ 3762/2563 ลงวันที่ 9 เมษายน 2563 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 ประกอบด้วยการปิดเขื่อนและอ่างเก็บน้ำทั้งหมดในพื้นที่จำนวน 29 อ่าง

พร้อมกับมีคำสั่งที่ 3763/2563 ลงวันที่ 9 เมษายน 2563 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2563 ประกาศห้ามร้านค้าหรือสถานประกอบการขายสุราประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 ที่ได้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายสุรา ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 จำหน่ายสุรา โดยสามารถจำหน่ายสินค้าประเภทอื่นได้ และคำสั่งที่ 3761/2563 ลงวันที่ 9 เมษายน 2563 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2563 ให้ปิดสนามกีฬาทั้งในร่มและกลางแจ้ง อาทิ โรงยิมเนเซียม หรือในลักษณะอาคาร สนามกรีฑา สนามบาสเกตบอล สนามวอลเล่ย์บอล สนามตะกร้อ สนามฟุตซอล หรือในลักษณะคล้ายกันเป็นการชั่วคราว

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง มาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการ แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(Covid-19) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเขตจังหวัดนครราชสีมา (ฉบับที่ 5) โดยห้ามการจัดงานสงกรานต์ทุกระดับ ห้ามเล่นสงกรานต์ เช่น การฉีดน้ำ สาดน้ำ พ่นน้ำ ปะแป้งในที่สาธารณะ ห้ามใช้รถยนต์เปิดท้ายกระบะ นำถังน้ำใส่ท้ายกระบะ เล่นสงกรานต์บนถนน ส่วนการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีขอพรญาติผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อาจเลือกการขอพรทางช่องทางออนไลน์ หรือทางการสื่อสารทางโทรศัพท์หากอยู่ในครอบครัวเดียวกัน และควรทิ้งระยะห่างกัน 2 เมตร ควบคู่ไปกับมาตรการล้างมือทั้งวัน กินร้อน ช้อนฉัน ห่างกัน 2 เมตร และสวมหน้ากากผ้าทุกคนในรายที่ไม่ป่วย ส่วนผู้ป่วยขอให้สวมหน้ากากอนามัยทุกคน และขอความร่วมมือชาวโคราชเราร่วมฝ่าวิกฤติ โควิด -19 ครั้งนี้ไปด้วยกัน ด้วยการช่วยกันขับเคลื่อนมาตรการ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อโคราช" ซึ่งจะช่วยลดอัตราการแพร่ระบาดของโรคลงได้ ทั้งนี้ถ้ามีผู้ใดฝ่าฝืนตามคำสั่งดังกล่าวข้างต้นจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย

ตร.เชียงดาวจับ4 หนุ่มตั้งวงก๊งเหล้ากลางดึกช่วงเคอร์ฟิว

ตำรวจ สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เข้าตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 6 ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่บ้านหลังดังกล่าวมีวัยรุ่นมามั่วสุมดื่มสุรา และเปิดเพลงเสียงดังรบกวน จากการตรวจสอบภายในบ้านเจ้าหน้าที่พบชาย 4 คืน คือ นาย วัชระ เรืองอ่อน อายุ 40 ปี , นายวันชนะ ทาจ้อย อายุ 28 ปี , นายเกษมศักดิ์ สาระจันทร์ อายุ 24 ปี ทั้งหมดมีภูมิลำเนา อยู่อำเภอเชียงดาว และนายอาริฟ ฤทธิ์โต อายุ 22 ปี ชาวอำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ จึงควบคุมตัวมาสอบสวน

พ.ต.อ.วินิจฉัย พินิจศักดิ์ ผู้กำกับการ สภ.เชียงดาว กล่าวว่า จากการสอบปากคำ ทั้ง 4 คนรับสารภาพว่าได้ตั้งวงเพื่อมั่วสุมดื่มสุราจริง เนื่องจากเกิดความเครียดจากภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จน จนตกงานไม่มีงานทำ จึงชักชวนกันมานั่งดื่มปรับทุกข์เพื่อคลายเครียดเท่านั้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าได้แจ้งข้อหาฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม โดยการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค จากนั้นจะนำตัวส่งฟ้องศาล

ขณะที่การตั้งด่านตรวจตราในช่วงเวลาของประกาศเคอร์ฟิวของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 47 จุดในพื้นที่ 25 อำเภอ ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ของวันที่ 10 เมษายน ถึงเวลา 04.00 น. วันที่ 11 เมษายน สามารถจับกุมผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหะสถานโดยไม่มีเหตุจำเป็นใจช่วงเวลาเคอร์ฟิวได้ 18 ราย

พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่บุคคลที่ได้รับการยกเว้นตามประกาศ และไม่มีเหตุผลอันควรที่จะออกนอกเคหะสถาน เช่น ออกมาขับขี่รถเล่น ออกมาหาเพื่อน ออกมาหาแฟน เพราะเหงา หรือนัดแนะออกมาดื่มสุรา เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องจับกุมและส่งดำเนินคดีในข้อหาออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้รับการยกเว้นหรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ต้องหาในดคีเหล่านี้ที่ผ่านมาจะมีโทษจากการตัดสินของศาล สั่งปรับ 3,000 บาท กักขัง 15 วัน โทษกักขังให้รอลงอาญา 1 ปี และให้กักตัวอยู่บ้าน 7 วัน 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3-10 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ว่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และประกาศเคอร์ฟิว ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยอดสะสมได้รวมทั้งสิ้น 290 คน 

ส่งชาวมุสลิมกลับจากดาวะห์ อินโดฯ 7 ราย กลับบ้านดูแลตัวเองเพิ่มอีก 14 วัน  

ที่ศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขมูลฐาน ชายแดนใต้ อ.เมืองยะลา จ.ยะลา นายวรเชษฐ พรมโอภาษรอง ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยนายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา และ นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอเมืองยะลา และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนคอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนชาวมุสลิมที่ไปเข้ารวมตัวทางศาสนาอิสลาม (ดาวะห์) ที่เกาะสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากถูกกักตัวครบ 14 วัน เพื่อคัดกรอง โรคไวรัส Covid-19 จำนวน 7 ราย

ประกอบด้วย ชาวอำเภอกาบังจำนวน 4 ราย ยะหา 2 ราย และบันนังสตา 1 ราย ซึ่งกักตัว ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 11 เมษายน 2563 สำหรับบุคคลที่ถูกกักตัวเพื่อสังเกตุ ครบกำหนดกักตัว 14 วัน จำนวน 7 คน จะเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยประสานอำเภอจัดรถมารับ  

ทั้งนี้ นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวว่า เนื่องจากบุคคลทั้ง 7 ยังไม่ได้เป็นโรค ดังนั้นจึงยังไม่มีภูมิต้านทาน จึงขอย้ำว่า เมื่อถึงบ้านแล้วต้องอยู่บ้านอีก 14 วัน และจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ รพ.สต. ที่อยู่ในเขต ดูแลแถวบ้านและจะไปเยี่ยมให้ครบ 14 วัน

พร้อมกับย้ำว่า เนื่องจากทั้ง 7 คน ต้องดูแลตัวเอง ต้องอยู่บ้าน 14 วัน และแยกจากคนในครอบครัวที่อยู่ในบ้านห่างกัน 2 เมตร ของที่ใช้ร่วมกัน ต้องใช้แยกออกมา และทำความสะอาดทุกวัน เพราะมีเชื้ออยู่นอกบ้าน จะรับมาเมื่อไหร่ก็ได้

ทางด้านผู้กักกันตัวศูนย์สังเกตการณ์โรคสำคัญ Covid-19 กล่าวว่า สำหรับคนที่ยังไม่ถูกกักตัวก็อยากให้ทุกคนระมัดระวังพยายามรักษาตัวเองตามกฏระบบระเบียบตามราชการแนะนำ และทางด้านสาธารณสุขแนะนำอะไรบางให้เราก็พยายามเพื่อเกิดผลดีกับตัวเราเอง และผมเองก็อยากบอกว่าคนที่ยังไม่มารายงานตัวขอให้มารายงานตัวเร็วๆ เพราะว่าสาเหตุจากโรคนี้ไม่ใช่เฉพาะตัวเรา ถ้ามันมีอยู่ในตัวเรามันเป็นสาเหตุกับสังคม ครอบครัว และสังคมในหมู่บ้าน จังหวัดทั่วทุกคนที่เราอยู่ใกล้ชิด เพราะว่าทุกคนที่เราอยู่ใกล้ชิดจะติดต่อโรคนี้ขึ้นมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :