วันที่ 24 ก.ค.2563 ภาคีนักศึกษาศาลายา นำโดย นายณวิบูล ชมภู่ ประธานภาคีฯ และน.ส.อาทิตยา พรพรม แกนนำภาคีฯ จัดกิจกรรม "BURN IN HELL" ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยมีการอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง และให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 เกี่ยวกับการยกเลิก ส.ว.แต่งตั้ง 250 คน รวมทั้งมีการเผารูป พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นเชิงสัญลักษณ์
โดยแถลงการณ์ ระบุถึงนับแต่รัฐประหารปี 2557 นำสู่การที่ผู้มีอำนาจกำหนดรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดกติกาเลือกตั้งเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นและแต่งตั้ง ส.ว.สืบทอดอำนาจเผด็จการ เป็นต้นเหตุให้เศรษฐกิจตกต่ำ การเมืองเลวร้าย ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่รัฐบาลปล่อยให้มีการระบาดและออกมาตรการที่ทำลายเศรษฐกิจซ้ำเติมสถานการณ์ และนอกเหนือจากพรรคแกนนำรัฐบาลไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ยังออกนโยบายเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ต่อคนรวย นักศึกษาจบการศึกษาปีละ 500,000 คนต้องตกงาน ในภายใต้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์
นอกจากนี้ รัฐบาลก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทั้งเป็นเผด็จการในการใช้กฎหมายประชาชนที่เห็นต่าง ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมแห่งรัฐ จึงเห็นว่าหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว ควรลาออก แล้วยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่, ยกเลิก ส.ว.250 คน แล้วจัดการเลือกตั้งตามกระบวนการ
ขณะที่นายภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ ตัวแทนแนวร่วมนวชีวิน ที่ปักหลักอดอาหารประท้วงรัฐบาล เป็นวันที่ 5 บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ตรงข้ามรั้วของกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมกิจกรรม ระบุว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ตนจะดื่มเฉพาะน้ำ โดยงดอาหารทั้งหมด จะทำไปจนร่างกายไม่ไหว และเชื่อว่าจะมีผู้ที่มารับไม้ต่อหากตัวเองทรุดลง ซึ่งจะเรียกร้องจนกว่ารัฐบาลจะลาออกหรือนายกรัฐมนตรีก็ต้องแก้ปัญหาประเทศให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีเวทีในช่วงเย็นของทุกวันโดยมีเพื่อนๆ มานอน เฝ้าในช่วงกลางคืนและปราศรัยย่อย พร้อมยืนยันว่า หากไม่ยอมรับข้อเรียกร้องก็จะยกระดับการประท้วง แต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะเป็นวิธีการใด
ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ซึ่งลงพื้นที่ดูแลความสงบเรียบร้อยและกำชับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเช้า โดยระบุถึงกระแสการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของเยาวชนนักศึกษาขณะนี้และในอนาคตว่า ตนไม่ได้มีความกังวล เพราะเข้าใจว่านักศึกษารู้ขอบเขตของการชุมนุมหรือเคลื่อนไหวดี แต่หากมีอะไรที่ผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย