วันที่ 29 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าปฏิบัติหน้าที่ในวันทำงานสุดท้ายของปี ที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติโดยในช่วงเช้า พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อรายงานปัญหาด้านงบประมาณสำหรับกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 และงบประมาณเพื่อการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการรองรับกรณีประเทศจีนเปิดประเทศในวันที่ 8 มกราคม 2566 ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวนมาก
ภายหลังการหารือ 1 ชั่วโมง ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ได้พิจารณาปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางส่วนของโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ พิพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำหนดมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนภายหลังจีนประกาศเปิดประเทศ โดยจะต้องดูแลความปลอดภัยให้กับคนไทยเป็นหลัก ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้หารือกับอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันโรคโควิด-19 โดยมั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาในวันที่ 5 มกราคม 2566 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเตรียมพร้อมและเน้นดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพให้กับคนไทยต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องเตรียมการไว้
ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า นักท่องเที่ยวจีนเป็นลูกค้าหลักของไทยในช่วงที่ผ่านมาและหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ก็จะมาช่วยเติมเต็ม โดยเฉพาะในช่วงโลว์ซีซั่น เนื่องจากนักท่องเที่ยวระยะไกลยังไม่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งนี้ไทยไม่ได้เตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นพิเศษ เนื่องจากภาคเอกชนอยากให้เป็นไปตามกลไกปกติเหมือนอย่างประเทศนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ดังนั้นหลังจีนเปิดประเทศแล้ว ภาคเอกชนคาดการณ์ว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 300,000 คน ซึ่งจะส่งผลให้ ททท.มีการปรับเป้าหมายนักท่องเที่ยว จากเดิม 20 ล้านคนเป็น 25 ล้านคนต่อปี และในส่วนของรายได้ ยังคงยึดเป้าหมายเดิมที่ 2.4 ล้านล้านบาท