จากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 ภายในประเทศไทยยังถูกเฝ้าระวัง เนื่องจากมียอดตัวเลขผู้ป่วยสะสม 34 ราย หายดีกลับบ้านได้แล้ว 14 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 20 ราย ส่วนใหญ่อาการดีขึ้นตามลำดับ เว้นคนไทย 2 ราย ที่มีอาการหนักตั้งแต่แรกรับ ล่าสุดนพ.สุวรรณ ชัยวัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้แถลงยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์เพศหญิงของไทยติดเชื้อไวรัสวิด-19 รายแรก
ล่าสุด นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิเคราะห์ผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด - 19 ผ่านวิดีโอบนเฟซบุ๊ก ว่า มีความน่าเป็นห่วงถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ จะเห็นว่าสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นประเทศต้นทา ได้ประกาศปิดเมืองสำคัญและระงับการเดินทางทั้งขาเข้าและขาออก
สำหรับผลกระทบต่อ GDP ของประเทศไทยนั้น อดีตรมว.คลัง ได้ชี้ว่าหากวัดเชิงปริมาณจีดีพีประเทศอยู่ที่ 17 ล้านล้านบาท โดยส่วนตัวมองว่าเมื่อมีผลกระทบในแง่ลบ หากไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ อาจจะทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รับผลกระทบอย่างไร แต่เมื่อคำนวณออกมาเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจพบว่า 1 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 170,000 ล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ยังมองว่าประเทศไทยมีโอกาสที่จะกระทบเกิน 1 เปอร์เซ็นต์ หากไม่มีการบริหารจัดการให้ดี สำหรับการรับมือนักท่องเที่ยวที่หลั่งใหลเข้ามาในประเทศต้องมีการดูแลตามมาตรฐานและให้เกียรติตามสมควร เชื่อว่านักท่องเที่ยวเข้าใจต่อวัตถุประสงค์ป้องกันการแพร่ระบาด ดังนั้นเมื่อมีการดูแลจัดการนักท่องเที่ยวให้ดี จะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยว ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะน้อยลงไป
ส่วนความเชื่อมั่นของประชาชนในประเทศนั้น เป็นที่น่ายินดีว่ามาตรการควบคุมของรัฐอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากประเทศไทยเคยมียอดตัวเลขผู้ติดเชื้ออันดับที่ 2 ของโลก แต่ปัจจุบันแม้ว่าจะมีตัวเลขติดเชื้อแต่สะท้อนให้เห็นว่ามีการดูแลที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามจากการรับฟังข้อมูลจากประชาชน พบว่ายังมีการตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่ามีการรายงานยอดผู้ป่วยติดเชื้อจริงหรือไม่ เป็นภาพสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อภาครัฐ ดังนั้นหากวัดเป็นคะแนน ส่วนตัวให้คะแนนรัฐบาล 5 คะแนน เพราะบางเรื่องต้องยอมรับว่าทำได้ดี แต่อาจยังไม่คุ้มค่าจากความไม่ระมัดระวังให้รอบครอบ