คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ตนขอฟันธงว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายรัฐบาลปีนี้ไม่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ทำได้แค่ระยะสั้น ชี้ 3 ข้อที่ส่งผลคือ งบไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ, ไม่เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังทรุด และเยียวยาได้แค่ระยะสั้น ไม่มีโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้ตรงจุด แถมทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า "งบประมาณกระจุกชาวบ้านจนกระจาย"
โดยเนื้อหาเต็มจากโพสต์ของคุณหญิงสุดารัตน์ มีดังนี้
"ผ่านไปเรียบแล้วสำหรับการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563
ซึ่งดิฉันขอฟันธงว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในปีนี้จะไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ทำได้แค่การเยียวยาระยะสั้น แต่จะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ค่ะ
1) จัดงบลงทุนในการสร้างรายได้ใหม่สร้างงานใหม่ไว้น้อยมาก "ไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ"
งบประมาณปีนี้รวมทั้งสิ้น 3.2 ล้านล้านบาท รัฐบาลจัดสรรเป็นงบลงทุนเพียง 20% ก็คือประมาณ 600,000 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าน้อยมากไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและยิ่งได้เห็นรายละเอียดของงบลงทุนจำนวน 600,000 ล้านบาทนี้ ก็พบว่างบประมาณจำนวนนี้มีภาระผูกพันไปแล้วกว่า 300,000 ล้านบาท
จึงเหลือที่จะเป็นงบลงทุนใหม่เพียง 300,000 ล้านบาทเท่านั้น
ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนน้อยมากๆ ที่จะมาลงทุนเพื่อสร้างงานใหม่ สร้างรายได้ใหม่ให้กับประชาชน เทียบกับงบประมาณทั้งหมดจำนวน 3.2 ล้านล้านบาท
2) จัดสรรงบประมาณ "ไม่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังทรุดหนัก"
ทั้งที่ควรจะทุ่มงบประมาณของทุกกระทรวง มากระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชนเป็นลำดับแรกก่อน
รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ เเละใช้งบประมาณในโครงการที่ก่อให้เกิดรายได้ใหม่ สร้างงานใหม่ หรือสร้างสินทรัพย์ใหม่ให้กับประชาชน
แต่ในข้อเท็จจริงรัฐบาล กลับจัดสรรงบประมาณไปใช้ในสิ่งที่ไม่จำเป็น ที่จะต้องจัดซื้อในสภาวะที่เศรษฐกิจกำลังแย่แบบนี้เช่น
ในขณะที่ประชาชนในชนบทกำลังลำบากยากจน เพราะราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ และต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก แทนที่รัฐบาล จะจัดสรรงบประมาณไปพัฒนาแหล่งน้ำให้กับประชาชน รวมทั้งการลงทุนให้กับประชาชนปรับเปลี่ยนการผลิต
รัฐบาลกลับ จัดสรรเงินงบประมาณไป#ซื้อเรือดำน้ำ เพิ่มอีก 2 ลำ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ในขณะที่เกิดภัยแล้งทั่วประเทศ
มันมีความเหมาะสม และมีความจำเป็น เร่งด่วนอะไร? ที่จะต้องมาซื้อเรือดำน้ำ ในเวลาที่ประเทศ และประชาชนกำลังต้องเผชิญกับสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้
3) ส่วนงบประมาณที่จัดมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ละโครงการ "จัดแบบแค่เยียวยาปัญหาระยะสั้น"
ไม่ได้มีโครงการที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้อย่างแท้จริง ในจำนวนที่มากพอ และตรงจุด
เปรียบเสมือนคนป่วยเป็นไข้หนัก
จนปอดติดเชื้อแล้ว แต่กลับให้เพียง
ยาทิฟฟี้มาลดไข้
การจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลในปี 2563 ที่สะเปะสะปะเช่นนี้ โดยไม่ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
จึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง
ที่ประชาชนออกมาแสดงพลังกันมากมายนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะความไร้ประสิทธิภาพ ในการบริหารงานของรัฐบาลเอง ถึงเวลาที่ต้องทบทวนตัวเอง ฟังเสียงประชาชนด้วยค่ะ
#งบประมาณกระจุกชาวบ้านจนกระจาย"