ไม่พบผลการค้นหา
สถานการณ์ ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ ดูแล้ว โอกาสเกิดขึ้น ไม่ชัดเท่า ‘รัฐบาลปริ่มน้ำ’ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น นายกฯ อีกครั้ง ท่ามกลางกระแสขั้ว ‘พลังประชารัฐ’ สามารถฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลได้ ผ่านการจับมือ ‘พรรคแนวร่วม - พรรคตัวแปร - งูเห่า’ อาศัยความชอบธรรมจาก ‘Popular Vote’

แม้จะได้เก้าอี้ ส.ส. น้อยกว่า ‘เพื่อไทย’ ก็ตาม ซึ่งที่ผ่านมาก็มี ‘สัญญาณ’ มาเสมอ ถึง อนาคตขั้วเพื่อไทย แม้จะชนะเก้าอี้ ส.ส. แต่หนทางนี้ ไม่ง่ายดาย

เพราะต่างเป็นห่วงกันว่า ‘รัฐบาลปริ่มน้ำ’ จะไม่มีเสถียรภาพ จะทำให้รัฐบาลใหม่อายุสั้น โดยแต่ละพรรคก็ต่างกังวลเพราะเลือกตั้งที่ผ่านก็ทุมทรัพยากรไปกันมาก หากรัฐบาลอายุสั้น จะไม่ทันได้ตั้งตัวรับเลือกตั้งใหม่แน่นอน

ห้วงเวลานี้นักการเมืองต่างรอให้ผ่านช่วงเวลาสำคัญของประเทศไปก่อน ค่อยว่ากันหลัง 9 พ.ค.นี้ ที่ กกต. จะประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ท่ามกลาง ‘เผือกร้อน’ ปมสูตรนับเก้าอี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ยังไม่จบ 

แม้ผ่านเลือกตั้งมาแล้ว 1 เดือน โดยศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีมติ 7 ต่อ 2 ไม่รับคำร้อง กกต. วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ชี้เป็นอำนาจและหน้าที่ของ กกต. เนื่องจากคำร้องไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ

ทำให้ ‘เผือกร้อน’ นี้ กกต. ต้องแบกรับต่อไป อย่างปฏิเสธไม่ได้ ที่ต้องทำให้ ‘คลีน’ กับผลที่มา และ ‘เคลียร์’ กับคนในสังคมให้ได้

แต่ชะตากรรม ‘บนเส้นด้าย’ ขณะนี้ ตกไปที่ ‘พรรคอนาคตใหม่’ เพราะ 2 หัวเรือใหญ่ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ เลขาธิการพรรคฯ ต่างมีคดีติดตัว โดยเฉพาะ ‘ธนาธร’ ที่ถูกจับตาว่าจะโดน ‘ใบส้ม’ จาก กกต. หรือไม่ ? จึงทำให้โอกาสเข้าไปเฉิดฉายในสภานั้นริบหรี่ลง 

ซึ่ง ‘บิ๊กตู่’ ก็ย้ำชัดเจนว่า ไม่ใช่การ ‘สกัดดาวรุ่ง’ และ คสช. ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องคดี

“ที่บอกว่าสกัดดาวรุ่ง อยากจะบอกครั้งที่ร้อยแล้วว่า คสช.ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของกฎหมายเลือกตั้ง เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างเป็นดุลยพินิจของ กกต. หลายอย่างเข้าสู่กระบวนการศาล ซึ่งผมไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้อยู่แล้วทั้งหมด ผมเคยบอกมาตั้งนานแล้ว จะไปสั่งอะไรใครเขาไม่ได้หรอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

หากทั้ง ‘ธนาธร - ปิยบุตร’ ไม่ได้เข้าสภา ในกรณีที่ ‘บิ๊กตู่’ ได้เป็น นายกฯ ต่อ ก็ยิ่งทำให้ ‘องคาพยพ’ ที่จะมา ‘เช็กบิล คสช.’ ถูกลดทอนไปอีก เพราะในฝั่งพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งในรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ล้วนมีแต่ผู้มากประสบการณ์ในสภาทั้งสิ้น 

tanun-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล-อนาคตใหม่-1.jpg

แต่ปัญหาอยู่ที่กรณี ‘หญิงหน่อย’คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ แคนดิเดตนายกฯพรรค ที่ลงสมัครเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แต่ไม่ได้เป็น ส.ส. เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีสถานะไม่ต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็น นายกฯ โดยไม่เป็น ส.ส.

โดยในเวลานี้อยู่ในช่วงการแจก ‘ใบแดง-ใบเหลือง-ใบส้ม’ กับว่าที่ ส.ส. ที่กระทำผิด จึงเป็นการ เท่ากับเป็นการ ‘ลดกำลัง’ ในการโหวตของแต่ละขั้วด้วย

อีกทั้งกระแส ‘เลือกตั้งโมฆะ’ ที่ออกมา หลังผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับคำร้องของ ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ไว้พิจารณา ที่ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองให้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ ตั้งแต่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา และได้ส่งหนังสือให้ กกต.ชี้แจงประเด็นดังกล่าว ภายในเวลา 7 วัน โดยครบกำหนด 25เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้ทันการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ก่อน 9 พ.ค.นี้

หากเลือกตั้งต้องเป็นโมฆะจริง ก็ต้องมาชั่งน้ำหนักว่า ‘ผลดี-ผลเสีย’ จะตกไปยังแต่ละพรรคอย่างไร ? 

แน่นอนว่า ‘ผลเสีย’ คือ แต่ละพรรคจะระดมทรัพยากรรอบใหม่อย่างไร เพราะลงทุนกับเลือกตั้งรอบที่แล้วไปมาก แต่ก็มีรายงานว่ารอบที่ผ่านมาหลายพรรคก็ลงไม่สุดกำลัง เพราะต่างเกรงถึง ‘อุบัติเหตุทางการเมือง’ ที่อาจเกิดขึ้น

แต่หากมี ‘เลือกตั้งใหม่’ ก็จะยืนอยู่บนฐาน ‘สภาวะใหม่’ โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ ที่ 2 หัวเรือ ชะตากรรมยืนอยู่บนเส้นด้าย จะสามารถเรียกกระแสกลับมาได้หรือไม่ ? 

ประยุทธ์-หย่อนบัตร-เลือกตั้ง2562

อีกทั้งเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคก็ได้ ‘คะแนนแรงสวิง’ จากพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบไปไม่น้อย ในหลายเขตด้วย อีกทั้งจะรักษาพื้นที่ที่ปักธงไว้แล้วอย่างไร

ส่วนพรรคเพื่อไทย ก็มีโอกาสปรับทัพใหม่ โดยนำจากฝั่งไทยรักษาชาติมาผนึกกำลังอีกครั้ง และได้ถอดบทเรียนจากอดีต รับมือกติกาเลือกตั้งตาม รัฐธรรมนูญ 2560 ให้ได้มากขึ้น เพราะเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ก็เป็นบทพิสูจน์ได้ว่าพรรคยังมาแรง แม้ส่งไม่ครบ 250 เขต ก็ยังได้เก้าอี้ ส.ส. มาอันดับ 1 หากครั้งหน้าได้คะแนนเททิ้งน้ำมาคำณวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ด้วย ก็อาจทำให้ได้เก้าอี้ ส.ส. มากขึ้น

แม้แต่พรรคพลังประชารัฐ ก็จะได้ปรับทัพในเขตที่แพ้ รวมทั้งรักษาเขตที่ชนะ แต่อย่าลืมว่า ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ ที่เป็น ‘แรงสวิงสำคัญ’ ทำให้พรรคได้คะแนนแรงขนาดนี้ จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ตกไปที่ 4 ในเลือกตั้งที่ผ่านมา เอาชนะที่ 5 อย่างภูมิใจไทยไปเพียง 2 แสนคะแนน โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. และ ภาคใต้ ที่พรรคพลังประชารัฐ เจาะได้จำนวนมาก 

แต่สถานการณ์หลังเลือกตั้ง ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน ที่มี ‘เซอร์ไพรส์’ ย่อมๆ ออกมาด้วย จุดสำคัญคือจะเป็น ‘แรงขับ’ ต่อการเลือกพรรคนี้อีกหรือไม่ และที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐก็ถูกโจมตีไม่น้อยกับการเลือกตั้ง จะกู้ศรัทธาได้หรือไม่ 

พรรคประชาธิปัตย์ กำลังจะมีหัวหน้าพรรคคนใหม่และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งต้องจับตาดูว่าจะเป็นใครและขั้วใดในพรรค ท่ามกลางเสียงในพรรคที่แตกเป็น 2 ขั้ว ระหว่างหนุน ‘บิ๊กตู่’ ของสาย กปปส. เดิม และฝ่ายที่จะเป็น ‘ฝ่ายค้านอิสระ’ รักษาจุดยืนพรรค แต่ความเป็นพรรคประชาธิปัตย์คือการยอมรับมติกรรมการบริหารพรรค ไม่ว่าจะเห็นแย้งหรือไม่ 

จึงต้องดูหน้าตาว่าเป็นใคร ก็จะเห็นอนาคตของพรรคได้ไม่น้อย แต่ที่แน่ๆ พรรคประชาธิปัตย์ก็อยากจะมีโอกาสกู้ศักดิ์ศรีคืน โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ที่เกือบ ‘สูญพันธุ์’

สำหรับพรรคภูมิใจไทย ที่มาแรงแซงโค้ง จากการปรับทัพใหม่ สามารถเก็บคะแนนจากทุกภาคได้ โดยเอาคนที่มีแรงดึงดูดในพื้นที่มาลงเลือกตั้ง และมีนโยบายเฉพาะกลุ่มคนออกมา ทำให้ได้คะแนนเสียงมาไม่น้อย จนเป็น ‘พรรคตัวแปร’ ที่เนื้อหอม 

สำหรับ ‘แม่ทัพหนู’อนุทิน ชาญวีรกูล จนเป็นพล็อตเรื่อง ‘ราชสีห์กับหนู’ ออกมา หากมีเลือกตั้งใหม่ ต้องมองว่าพรรคจะรักษาเรตติ้งนี้ได้หรือไม่

ทั้งหมดนี้จึงต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่า หากมี ‘เลือกตั้งใหม่’ จะเป็น ‘ผลดี-ผลเสีย’ กับแต่ละพรรคอย่างไร ได้คุ้มเสียหรือไม่ อีกทั้งภาพรวมประเทศจะเป็นอย่างไร เป็นโจทย์ระหว่าง ‘รัฐบาลปริ่มน้ำ’ กับ ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ และ ‘เลือกตั้งใหม่’ ตัวเลือกใด จะตอบโจทย์สถานการณ์ประเทศที่สุดในเวลานี้ ซึ่งทุกพรรคก็ล้วนรู้ทางลมนี้ดี โอกาสเกิดขึ้นของ ‘เลือกตั้งโมฆะ’ ยังเป็นไปได้ยากในเวลานี้

มองให้ยาว ไปให้เป็น !!

ปริศนา ลายพราง
164Article
0Video
39Blog