“เป้าหมายของเราไม่ใช่การหมุนวงล้อแห่งความขัดแย้งทางการทหาร แต่ในทางกลับกัน มันเป็นไปเพื่อยุติสงครามนี้” ปูตินกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (22 ธ.ค.) “เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยุติเรื่องนี้ และยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น” ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวพร้อมย้ำว่า “ความขัดแย้งทางอาวุธทั้งหมดจบลงได้ไม่ในทางใดก็ทางหนึ่ง ผ่านการเจรจาบางเรื่องบนแนวทางการทูต”
“ไม่ช้าก็เร็ว ฝ่ายใดก็ตามที่อยู่ในภาวะความขัดแย้งจะนั่งลงและทำข้อตกลง ยิ่งผู้ที่ต่อต้านเราตระหนักได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เราไม่เคยยอมแพ้ในเรื่องนี้” ปูตินระบุ
ความเห็นในครั้งนี้ของปูติน เกิดขึ้นหลังจากที่ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้เดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อเข้าพบกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว และขึ้นแถลงสุนทรพจน์ครั้งสำคัญในรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งเซเลนสกีกล่าวในสุนทรพจน์ว่า เงินช่วยเหลือแก่ยูเครนไม่ใช่การทำการกุศล แต่คือการลงทุนในด้านความมั่นคงและประชาธิปไตยของโลกทั้งใบ
สหรัฐฯ ยังได้ประกาศการมอบเงินช่วยเหลือทางการทหารเพิ่มเติมแก่ยูเครนอีก 1.85 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6.4 หมื่นล้านบาท) ในช่วงการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของเซเลนสกี ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดียูเครน นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเข้ารุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา
หลังจากการออกมาแถลงของปูติน ทางการสหรัฐฯ ได้ออกมาตอบโต้คำพูดของประธานาธิบดีรัสเซียว่าด้วยประเด็นการเจรจาสันติภาพ โดย จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาวได้ออกมาระบุว่า ปูตินได้ “แสดงสัญญาณบ่งชี้เป็นศูนย์ ถึงความจริงใจของเขาในการเจรจา” เพื่อยุติสงครามยูเครนที่ดำเนินมานานแล้วกว่า 10 เดือน
“ค่อนข้างตรงกันข้าม” เคอร์บีกล่าวกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการบรรยายสรุปทางออนไลน์ “ทุกสิ่งที่เขา (ปูติน) ทำทั้งบนภาคพื้นดินและบนอากาศบ่งบอกถึงชายคนหนึ่ง ที่ต้องการใช้ความรุนแรงต่อชาวยูเครนต่อไป” และ “ยกระดับสงคราม” เคอร์บีย้ำถึงพฤติกรรมของปูติน นอกจากนี้ เคอร์บีย้ำว่าไบเดนเปิดกว้างในการมีบทสนทนากับปูติน หากประธานาธิบดีรัสเซีย “แสดงความจริงจังถึงประเด็นการเจรจา”
นอกจากเคอร์บีแล้ว แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้ออกมาตอกย้ำในประเด็นเดียวกันว่า “โดยพื้นฐานในตอนนี้แล้วนั้น รัสเซียไม่ได้แสดงความสนใจในการใช้การทูตที่มีความหมาย ในการปะทะสังสรรค์อย่างมีความหมาย เพื่อนำข้อยุติมาถึงสงคราม” บลิงเคนกล่าวในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ โดยบลิงเคนย้ำว่า ความขัดแย้งในครั้งนี้จะจบลงอย่างง่ายดาย เมื่อรัสเซียถอนกำลังออกจากยูเครน
“หากไม่มีสิ่งนั้น เราต้องเห็นหลักฐานที่มีความหมายว่า รัสเซียพร้อมที่จะเจรจาสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืนจริงๆ” บลิงเคนกล่าว ทั้งนี้ ยูเครนและพันธมิตรได้โจมตีถ้อยแถลงของทางการรัสเซียเกี่ยวกับประเด็นสันติภาพอยู่เป็นประจำ ซึ่งชาติตะวันตกชี้ว่าเป็นความพยายามที่กลวงเปล่าอันหยุดชะงักไป หลังจากหลายเดือนของความพ่ายแพ้ในสนามรบของรัสเซียเป็นเวลานาน
ปูตินยังกล่าวในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อด้อยค่าระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออตของสหรัฐฯ ที่ไบเดนให้คำมั่นว่าจะส่งไปยังยูเครน เพื่อใช้ป้องกันการโจมตีจากรัสเซีย โดยประธานาธิบดีรัสเซียระบุว่า ระบบป้องกันทางอากาศขีปนาวุธแพทริออตของสหรัฐฯ “ค่อนข้างเก่า” ตรงกันข้ามกับระบบ S-300 ของรัสเซีย และกล่าวว่ารัสเซียจะหาทางเอาชนะและ “เจาะ” ระบบป้องกันขีปนาวุธพื้นสู่อากาศที่ซับซ้อน “(เรา) จะพบยาแก้พิษอยู่เสมอ” ปูตินกล่าวถึงระบบแพทริออต “ดังนั้น บรรดาผู้ที่ทำมันกำลังทำมันโดยเปล่าประโยชน์ มันแค่ทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อออกไป นั่นแหละประเด็น”
ตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือน ก.พ.มาจนถึงปัจจุบันนี้ พลเรือนยูเครนหลายพันคนต้องเสียชีวิต และประชากรของยูเครนต้องทนกับสภาพอากาศอันโหดร้ายในฤดูหนาว โดยหลายคนกำลังเอาชีวิตรอดโดยไม่มีน้ำ พลังงาน หรือความร้อน ท่ามกลางการทิ้งระเบิดอย่างไม่หยุดยั้งของรัสเซีย ซึ่งได้โจมตี “โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ” รวมถึงสถานีไฟฟ้าและศูนย์กลางการจัดหาพลังงานในพื้นที่โดยรอบเมืองหลวง และที่อื่นๆ ในประเทศ
ที่มา: