“ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีอิสรภาพในประเทศของตัวเองเวลาที่พวกเขาทำกับฉันที่เป็นมนุษย์แบบนี้... ฉันเป็นผู้หญิงข้ามเพศ ศาสนาของฉันไม่ยอมรับสิ่งที่ฉันต้องการจะเป็น”
ข้อความบนทวิตเตอร์ของ นูร ซาญัต (Nur Sajat) เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางค์ชาวมาเลเซียวัย 36 ปี เธอทวีตข้อความนี้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากถูกเจ้าหน้าที่การศาสนาอิสลามของรัฐซาลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย ใส่กุญแจมือในขณะที่เรียกเธอเข้าไปสอบสวน สืบเนื่องจากการแจ้งความดำเนินคดีกับเธอบนฐานความผิด “ลบหลู่และดูหมิ่นศาสนาอิสลาม”
เธอลี้ภัยมาประเทศไทยเพื่อทำเรื่องขอสถานะผู้ลี้ภัยไปประเทศออสเตรเลีย แต่ถูกจับกุมตัวโดยตม.ไทยเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ด้านเจ้าหน้าที่มาเลเซียแถลงข่าวให้เธอ “กลับมารับโทษเสียโดยดี” ในขณะที่รัฐบาลมาเลเซียเจรจากับทางการไทยให้ส่งตัวเธอกลับประเทศมาเลีเซียในฐานะ “ผู้ร้ายข้ามแดน”
เกิดอะไรขึ้นกับนูร ซาญัต?
เมื่อสามปีก่อน นูร ซาญัตถูกแจ้งข้อหา “ดูหมิ่นศาสนาอิสลาม” โดยเจ้าหน้าที่การศาสนาอิสลามของรัฐซาลังงอร์ (The Selangor Islamic Religious Department หรือ JAIS) ที่ระบุว่า เธอกระทำความผิดจากการเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาด้วยการแต่งตัวในชุดที่ถูกกำหนดไว้สำหรับเพศหญิง ครั้งนั้นเธอและทีมงานเข้าเยี่ยมโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในรัฐเพื่อบริจาคและให้ความช่วยเหลือโรงเรียน
เมื่อเดือนม.ค. 64 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Coconuts ของประเทศมาเลเซียนำเสนอข่าวจากคลิปที่นูร ซาญัตแอบถ่ายขณะถูกคุมตัวอยู่ในห้องสอบสวนที่สืบเนื่องมาจากการถูกแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว เธอร้องไห้ และถูกจับใส่กุญแจมือ ในคลิปเจ้าหน้าที่บอกเธอว่า “การเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย แต่เป็นชุดที่เธอใส่ในตอนนั้นที่ผิด” หลังจากโทรคุยกับทนาย เธอก็ได้รับการปล่อยตัวและกลับบ้านได้
หากมีคำตัดสินว่านูร ซาญัตกระทำความผิดจริงตามมาตราที่ 10 ของกฎหมายชารีอะห์ ที่ห้ามหลบหลู่ดูหมิ่นหรือล้อเลียนวิถีปฏิบัติหรือพิธีกรรมของอิสลาม เธออาจถูกปรับอยู่ที่ 5,000 ริงกิต หรือประมาณ 40,000 บาท และอาจถูกจำคุกถึง 3 ปี
ต่อมาในเดือนก.พ. 64 สำนักข่าว Coconuts ของประเทศมาเลเซียนำเสนอข่าวว่า เจ้าหน้าที่การศาสนาอิสลามของรัฐซาลังงอร์ หรือ JAIS กว่า 122 คน ร่วมกันปฏิบัติการตามล่าและจับกุมตัวนูร์ ซาญัต
ลี้ภัยมาไทย ประเทศที่มีสำนักงาน UNHCR แต่รัฐบาลไม่รับรองสถานะผู้ลี้ภัย
นูร ซาญัต ลี้ภัยจากประเทศมาเลเซียมาประเทศไทยซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือ UNHCR เพื่อลงทะเบียนขอสถานะผู้ลี้ภัย ทำเรื่องลี้ภัยไปประเทศออสเตรเลียหลังจากรัฐบาลมาเลเซียยกเลิกหนังสือเดินทางของเธอ
เจ้าหน้าที่มาเลเซียพยายามตามล่าหาตัวเธอมายาวนานนับแปดเดือน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ทั้งสำนักข่าวทั้งไทยและต่างประเทศรายงานตรงกันว่า นูร ซาญัต ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย (ตม.) ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ด้วยฐานความผิดคือการเข้าเมืองผิดกฎหมาย นูรถูกปลอ่ยตัวจากการวางหลักทรัพย์ประกันเป็นเงิน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 66,000 บาท พร้อมเงื่อนไขว่าเธอจะต้องรายงานตัวต่อศาลทุกสองสัปดาห์
ข้อมูลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือ UNHCR ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกกับอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัยปี พ.ศ. 2494 และพิธีสารปี พ.ศ. 2510 และไม่มีกฎหมายที่ยอมรับการเข้ามาของผู้ขอลี้ภัย ดังนั้นผู้ลี้ภัยต้องปฏิบัติตามกฎหมายการตรวจคนเข้าเมืองเหมือนชาวต่างชาติคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ ผู้ลี้ภัยจึงสามารถถูกจับกุม กักกัน และเนรเทศออกนอกประเทศได้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับนูร จากการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเข้าจับกุมในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่ผู้ขอลี้ภัยจำนวนไม่น้อยที่เดินทางมาขอความช่วยเหลือที่สำนักงาน UNHCR ในกรุงเทพฯ ต้องเผชิญในลักษณะเดียวกัน และหลายคนยังคงถูกคุมขังชั่วคราวอยู่ที่ตม. เป็นการคุมขัง ‘ชั่วคราว’ ที่ยาวนานหลายปีสำหรับหลายคนที่ไม่มีเงินประกันตัวหรือไม่มีคนรู้จักที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้
ในกรณีของนูร ซาญัต สำนักข่าว Coconuts ของมาเลเซียระบุว่า เธอได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ของไทยเรื่องการถูกขู่ฆ่าและการถูกไล่ล่าโดยจ้าหน้าที่ถึง 122 คนแล้ว สำนักข่าวยังระบุอีกว่า ทางการไทยและมาเลเซียกำลังทำงานร่วมกันเพื่อส่งตัวเธอกลับประเทศ โดยรัฐบาลมาเลเซียเจรจาขอให้ทางการไทยส่งนูร ซาญัตกลับประเทศมาเลเซียในฐานะ "ผู้ร้ายข้ามแดน" เพื่อควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อในศาลของรัฐซาลังงอร์
อย่างไรก็ตาม จากการรายงานของสำนักข่าวประชาไท สำนักข่าวต่างประเทศ Coconuts ระบุว่า เมื่อเวลา 16.35 น. ของวันที่ 20 ก.ย.64 ทั้ง UNHCR และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนออสเตรเลียยังไม่ได้ออกมาพูดอะไรในประเด็นนี้ ทว่าข่าวสดของไทยรายงานเมื่อเวลา 18.35 น.ในวันเดียวกันว่า เจ้าหน้าที่ UNHCR มารับตัวนูร ซาญัตไปเรียบร้อยแล้ว
องค์กรสิทธิไทยเรียกร้องรัฐบาลไทยห้ามทำตามคำร้องขอของมาเลเซีย
สุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม มีข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีห้ามส่งตัวนูร ซาญัตกลับประเทศเกิดตามคำร้องขอของประเทศมาเลเซีย โดยให้เหตุผลดังต่อไปนี้
1. นูร ซาญัต มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัย กำลังอยู่ระหว่างเตรียมการเดินทางไปประเทศที่สาม จึงมีสิทธิอาศัยอยู่ชั่วคราวในประเทศไทย รัฐบาลต้องดูแลให้ความปลอดภัยจนกว่าจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศที่สาม
2. ประเทศมาเลเซียไม่สามารถขอตัว นูร ซาญัต ไปดำเนินคดีในประเทศมาเลเซียได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้อำนาจประเทศไทยในการส่งให้ประเทศมาเลเซีย ด้วยกรณีนี้ไม่เข้าด้วยเงื่อนไขและองค์ประกอบสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
3. การกระทำของนูร ซาญัตที่นำมาสู่การดำเนินคดีความโดยเจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย แม้จะเป็นความผิดตามกฎหมายมาเลเซีย แต่มิได้เป็นความผิดตามกฎหมายประเทศไทย หากเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยปฏิบัติตามกฎหมายมาเลเซียในการจับกุม นูร ซาญัต และส่งตัวกลับไปประเทศมาเลเซีย จะทำให้ประเทศไทยเสียอธิปไตยทางศาล
4. รัฐบาลต้องไม่ส่ง นูร ซาญัต กลับไปยังประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้เพราะจะทำให้ นูร ซาญัต ตกอยู่ภายใต้อันตรายของภัยประหัตประหาร การทรมาน เเละการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
5. นายกรัฐมนตรีต้องกำกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ และหากพบว่ามีการกระทำความผิดก็ขอให้ดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ทั้งทางวินัย ทางอาญา และทางปกครองด้วย
ที่มา:
https://coconuts.co/kl/news/jais-cant-say-why-they-needed-122-officers-to-get-nur-sajat/
https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/malaysian-transgender-entrepreneur-arrested-in-thailand
https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_6630587
https://prachatai.com/journal/2021/09/95098
ที่มาภาพปก:
Coconuts KL แคปมาจากวิดีโอที่นูร ซาญัตแอบถ่ายและโพสต์ลงโซเชียลมีเดียของเธอในเดือนม.ค.64 (ตอนนี้ไม่สามารถเข้าถึงคลิปนี้ได้แล้ว)