พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ลงพื้นที่หาเสียงและเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครปฐม นำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง พร้อมด้วยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจและนายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดยมีผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครปฐม ทั้ง 5 เขตของพรรคพร้อมผู้สนับสนุนให้การต้อนรับ ประกอบด้วย นางธนัญญา พันธุ์การรุ่ง เขต 1 ดาบตำรวจธนภัทร สีดา เขต 2 นายวินัย วิจิตรโสภณ เขต 3 นายธนัชภันธ์ ร่มธิติรัตน์ เขต 4 และนายมนตรี บุญประคอง เขต 5 โดยเริ่มจากการเข้ากราบสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ พุทธรูปศิลปะสุโขทัย ปางห้ามญาติ ซึ่งประดิษฐานที่พระวิหาร ด้านทิศเหนือของพระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
ก่อนจะเดินพบปะประชาชน บริเวณตลาดเทศบาล ตรงข้ามองค์พระปฐมเจดีย์ ก่อนที่แกนนำสำคัญและผู้สมัครสสพรรคจะขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคร่วมฟังปราศรัยจำนวนมาก
นายจาตุรนต์ ระบุว่า ชาวนครปฐมให้การสนับสนุน พรรคไทยรักไทยต่อเนื่องมาจนถึงพรรคเพื่อไทยและมั่นใจว่านโยบายของพรรคไทยรักษาชาติที่สานต่อและต่อยอด จากพรรคไทยรักไทยในอดีตจะตรงกับปัญหาและความต้องการของชาวนครปฐม ซึ่งมีเศรษฐกิจที่หลากหลายมีศักยภาพสูงทั้งด้านอุตสาหกรรมเกษตรกรรม ท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ซึ่งจำเป็นต้องได้รัฐบาลประชาธิปไตยและต้องมีนโยบายที่ดี พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการเลือกตั้งว่าไม่ใช่แค่เลือกผู้แทนเท่านั้น แต่ชาวนครปฐมและคนไทยทั้งประเทศกำลังร่วมกันแก้ปัญหาของชาติ ในการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยด้วย
ส่วนพื้นที่จังหวัดนครปฐม ที่มีนัการเมืองตระกูลใหญ่ครองพื้นที่มานานนั้น ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ มองว่า การเลือกตั้งที่จะถึง ไม่ใช่เรื่องว่าใครสนิทกับใครหรือมีบุญคุณต่อการอย่างไร แต่เรื่องสำคัญคือปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และชาวนครปฐมรู้สภาพปัญหาและความต้องการของตัวเองเป็นอย่างดี
นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ปฏิเสธที่จะร่วมดีเบตว่า ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย และเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่กล้าพอที่จะดีเบต และต้องการแต่เอาเปรียบหรือพูดเพียงฝ่ายเดียวโดยไร้คนโต้แย้ง ขณะที่รัฐบาล คสช.บริหารงานมาตลอด 5 ปีได้รับการพิสูจน์แล้วว่าล้มเหลว ซึ่งจะเอาผลงานนั้นมาโต้แย้งก็จะสู้นักการเมืองไม่ได้ และไม่แปลกใจที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายที่ออกมาพูดให้เกิดความสับสนก่อนหน้านี้ ก็เพื่อหาทางเลี่ยงไม่ให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องขึ้นเวทีดีเบตนั่นเอง
สำหรับการตั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา ส.ว. เพราะเป็นคนที่หัวหน้า คสช.ไว้ใจที่สุด จึงเลือกให้มาคัดบุคคลเป็น ส.ว.รองรับการสืบทอดอำนาจ พร้อมย้ำว่า เป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น เพราะผู้มีอำนาจมีส.ว. 250 เสียงไว้ยกมือสนับสนุนแล้ว โดยไม่ต้องหาเสียงหรือขึ้นเวทีดีเบตแต่อย่างใด
ด้านนายณัฐวุฒิ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยคิดลงเล่นการเมืองอย่างตรงไปตรงมาและมุ่งจะเอาเปรียบทุกช่องทาง และการแต่งตั้งพล.อ.ประวิตร เป็นประธานสรรหา ส.ว. ก็คาดการณ์แบบฟันธง หรือ "เชื่อขนมกินได้ล่วงหน้าได้เลย" ว่า สมาชิก สนช.ซึ่งมีผลงานยกมือตามสัญญาณผู้มีอำนาจอยู่แล้วจะได้เป็น ส.ว.จำนวนมาก เพื่อหนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
ประธานรณรงค์หาเสียงพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวด้วยว่า ป่วยการที่จะเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจลงเล่นการเมืองอย่างตรงไปตรงมา จึงจำเป็นต้องให้ประชาชนที่เห็นข้อเท็จจริงนี้ต้องตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อยุติกระบวนการทางอำนาจที่ดำเนินการทางการเมืองอยู่และปกครองประเทศมา พร้อมกับย้ำว่าพรรคไทยรักษาชาติไม่ได้ตั้งหน้าต่อสู้กับพล.อ.ประยุทธ์ และพวก แต่สู้กับสิ่งที่เบียดบังอำนาจประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศ