อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือ สธ.เปิดเผยถึง การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่ามีการหารือกันใน สธ.ซึ่งมีความพร้อมด้านมาตรการเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ และให้ความมั่นใจได้ว่าหากมีเหตุการณ์ การติดเชื้อไวรัส สธ.มีความพร้อมตั้งแต่มาตรการการควบคุมโรค ป้องกัน และรักษา ขอยืนยัน ว่ามีความพร้อมทุกด้าน และจะทำให้ประเทศเกิดความปกติสุขที่สุด
ส่วนแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ หรือ Special tourist Visa (STV) ยืนยันไม่ได้เป็นการสร้างเงื่อนไข แต่จะมีการตั้งกฎเกณฑ์ ส่วนการล็อกดาวน์จะตั้งแนวทางเป็นลำดับ และจะมีการผ่อนคลายไปเรื่อยๆ โดยหลักเกณฑ์แต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน เพราะจะดูตามตัวเลขการติดเชื้อไวรัสฯ ภายในประเทศนั่นๆ ซึ่งจะไม่เข้มงวดทั้งหมด เช่น อาจจะปรับลดระยะเวลาการกักตัว สำหรับประเทศที่มีการติดเชื้อไวรัสน้อย ดังนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละประเทศ เพราะเกรงว่าจะชลอการทำมาหากินของประชาชน และยืนยันว่าจะทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง และจะทำให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า จะไม่มีภูเก็ตโมเดล แต่จะเป็นไทยแลนด์โมเดล เพราะไม่เช่นนั้นคนภูเก็ตจะกล่าวหาว่าเป็นจังหวัดหนูทดลองยา ซึ่งอาจจะหาจังหวัดที่พร้อมนำร่องก่อน
อนุทิน กล่าวอีกว่า ไม่ทราบว่าจะมีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ เพราะต้องมีการนำเสนอเข้ามาในที่ประชุม ซึ่งมีหลายมิติที่ต้องดู และ สธ.เองไม่มีอำนาจสั่งการ ทหาร ตำรวจ การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลต่อเหตุการณ์ที่ฉับพลัน รวดเร็ว เด็ดขาด เมื่อเวลาที่เป็นปกติและเกิดเหตุการณ์เข้ามา ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาได้ ซึ่งขอย้ำว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส ไม่ใช่เพื่อลิดรอนสิทธิ เพราะหากไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากมีคนลักลอบเข้าไทย จะสกัดเขาได้หรือไม่ จริงๆ แล้วไม่ใช่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่คือ พ.ร.ก.พิเศษฉบับหนึ่ง ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยกับประเทศไทย นี่คือเจตนารมย์ของ พ.ร.ก.ฉบับนี้
ในระหว่างการสัมภาษณ์ อนุทิน ยืนยัน ชัดว่าจะไม่พูดเรื่องการเมือง เนื่องจากการประชุมวันนี้จะเป็นการหารือเรื่องการผ่อนคลายมาตรการในเพื่อให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยได้เท่านั้น