มานะ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการฝ่าย ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายรถยนต์ หรือ ดีลเลอร์รถยนต์ ปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบทางวิกฤติเศรษฐกิจ ที่เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีแนวโน้มที่จะเลิกจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการการที่ยอดขายลดลงกว่า 38% อ้างอิงมาจากยอดขายรถยนต์ในประเทศ ซึ่งคงจะได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะในธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ในช่วงไตรมาส 2-3 โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
โดยการขยายตัวของธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์มีควมาสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศ เมื่อยอดขายหดตัวสูง ประเมินว่ากว่าจะฟื้นตัวก็ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก หรือมากกว่า 2 ปี ทำให้การเติบโตของสินเชื่อก็จะชะลอลงตามแรงกดดันเพิ่มเติมด้วยตามความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ
ดังนั้นการขายรถยนต์ต่อจากนี้อาจจะต้องใช้เทคโนโลยีในการขาย และจะต้องใช้ดิจิทัลเสริมในส่วนนี้มากขึ้นเพื่อสร้างยอดขายในระยะยาว ซึ่งส่วนที่ควรจะทำในยุค New Normal คือ การรีวิวรถยนต์ ทั้งภายในภายในที่มีความคมชัดสูง เพื่อให้เห็นรายละเอียดและฟังก์ชันต่างๆ การทดสอบรถยนต์ที่บ้านบริษัทรถยนต์สามารถจองการทดสอบผ่านออนไลน์แอปพลิเคชันได้ การขายส่วนใหญ่ที่ปิดการขายที่โชว์รูม อาจจะลดทอนความสำคัญลง เพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์มากขึ้น เพิ่มการรับรถ-ส่งรถถึงที่บ้าน บำรุงรักษารถที่บ้าน ควรที่จะทำได้ผ่านช่องทางดิจิตอล การส่งรถยนต์ที่ซื้อมาถึงบ้าน ไม่ต้องไปถึงโชว์รูมก็มีความจำเป็นเช่นกัน
ยกตัวอย่าง Tesla มีทำอีคอมเมิร์ซ ร่วมกับอาลีบาบาในจีน ผู้บริโภคสามารถทำการปรับเปลี่ยนภายในภายนอกได้ในแพลตฟอร์ม รวมถึงการจองทดลองขับได้ด้วย และสามารถกดสั่งซื้อได้เลย และบริษัทจะจัดส่งรถให้ถึงบ้าน รวมถึง Carvana ในสหรัฐฯ ที่ดำเนินธุรกิจรถยนต์มือสอง ทำให้ลูกค้าดูรถได้ทั้งภายในและภายนอก 360 องศา ไม่ต้องไปสาขา สามารถซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซได้ทัน และเสนอการรับรถผ่านเครื่องขายรถอัตโนมัติ ทำให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของ Carvana เป็นบวก 13% ขณะที่ Tesla ติดลบเพียง 5% เมื่อเทียบกับค่ายรถยนต์อื่นที่ติดลบสูงถึง 50 %
ขณะที่ กณิศ อ่ำสกุล นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย คาดว่า ยอดจัดจำหน่ายรถยนต์ในปี 2563 อยู่ที่ 620,000 คัน ติดลบ 38.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้คาดว่าในปีนี้ธุรกิจดีลเลอร์รถยนยนต์ จะมีรายได้หายไป 25% หรือ 1 ใน 4 เป็นไปตามทิศทางของยอดขายรถยนต์ที่หดตัวลง ซึ่งในสถานกาณ์ที่รายได้ลดลงมากกว่าต้นทุน ประเมินว่าความสามารถการทำกำไรของธุรกิจจะทำให้ Net Profit Margin ในภาพรวมแย่ลง และมีโอกาสติดลบที่ 4-8% จากค่าเฉลี่ยที่สามารภทำกำไรปีละ 1-2%
ดังนั้นจากการประเมินในเบื้องต้นกว่าที่ยอดขายรถยนต์จะสามารถกลับมาแตะที่ 1 ล้านคันได้ อย่างน้อยต้องใช้ระยะเวลา 2-5 ปี หากผู้ประกอบการไม่มีการปรับตัวจะเกิดปัญหาทางด้านการเงินอย่างแน่นอน