ไม่พบผลการค้นหา
ป๊อบสตาร์ระดับโลกเผยเองครั้งแรกในรอบ 13 ปี ชีวิตที่ถูกควบคุมราวกับการ 'จองจำ' ยาวนาน 13 ปี ​ไร้อิสระ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พร้อมเปรียบสภาพที่เธอต้องทนไม่ต่างอะไรกับการค้ามนุษย์ทางเพศ ย้ำชัดต่อศาล "ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นทาสของใคร"

บริทนีย์ สเปียร์ส นักร้องชื่อก้องโลก เข้ารับฟังการพิจารณาคดีในศาลของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมให้การอย่างละเอียดต่อศาลเองครั้งแรกในรอบ 13 ปีทางโทรศัพท์ กับผู้พิพากษา 'เบรนดา เพนนี' หลังถูกตัดสินให้อำนาจการควบคุมทั้งชีวิตและทรัพย์สินในฐานะผู้พิทักษ์ (Conservatorship) ขึ้นอยู่กับ 'เจมี สเปียร์ส' บิดาแท้ๆ ของเธอเองตั้งแต่บริทนีย์ประสบเหตุมรสุมชีวิตเมื่อปี 2551 โดยเจมี ได้รับเงินส่วนแบ่งจากรายได้ของบริทนีย์ และรับเงินในฐานะผู้พิทักษ์อีกเดือนละ 16,000 ดอลลาร์หรือราว 509,000 บาท

การ 'ควบคุม' ที่ว่ารวมไปถึงการดูแลทางการเงินทั้งหมด การรับประทานอาหาร การใช้โทรศัพท์มือถือ การจำกัดคนที่บริทนีย์จะพบเจอ อิสระในการตกแต่งที่พัก ไปจนถึงการที่ บริทนีย์จะได้รับเงินเพียง 2,000 ดอลลาร์หรือราว 60,000 บาทต่อสัปดาห์เท่านั้นในการใช้จ่ายในช่วงที่เธอเซ็นต์สัญญาแสดงโชว์ที่ลาสเวกัส 4 ปีเต็ม รวมการแสดงทั้งสิ้น 248 ครั้ง ทั้งๆ ที่เธอทำเงินได้มากเฉลี่ย 500,000 ดอลลาร์ หรือราว 15.9 ล้านบาทต่อการแสดงเพียง 1 ครั้ง รวมทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 137.7 ล้านดอลลาร์หรือราว 4,389 ล้านบาท

การให้การจากเจ้าตัวในครั้งนี้ทำให้เกิดการพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ ขณะที่แฮชแทคที่เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อปลดปล่อยและให้อิสระกับเธอ #FreeBritney ขึ้นอันดับ 1 บนทวิตเตอร์โลกทันที ได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆ ทั่วโลกและเพื่อนร่วมวงการ


"ฉันโกหกคนทั้งโลก แต่วันนี้ฉันจะบอกความจริง"

"ฉันขอบอกกับคุณตรงนี้ว่า การนั่งอยู่ที่เก้าอี้วันละ 10 ชม. 7 วันต่อสัปดาห์(ของการบังคับรักษาทางจิต)ไม่ใช่เรื่องสนุก โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่สามารถเดินออกไปทางประตูหน้าบ้านได้ด้วยซ้ำ ฉันจึงจะขอบอกกับคุณตรงนี้อีกครั้งหลังจากที่ผ่านมาแล้ว 2 ปีว่า หลังจากที่ฉันโกหกและบอกกับคนทั้งโลกว่าฉันโอเค ฉันมีความสุข มันคือคำโกหกค่ะ ฉันคิดว่าถ้าฉันพูดคำพวกนี้บ่อยมากพอฉันอาจจะมีความสุขก็ได้ ฉันอยู่ในภาวะปฏิเสธ ฉันอยู่ในความช็อค ฉันเจ็บปวดทางจิตใจ คิดว่าฝืนไปเดี๋ยวก็ทำได้เอง แต่ตอนนี้ฉันจะบอกความจริงกับคุณ ฉันไม่มีความสุข ฉันนอนไม่หลับ ฉันโกรธมากและสิ่งนี้มันบ้ามาก ฉันร้องไห้ทุกวัน ฉันสิ้นหวังและหมดกำลังใจเหลือเกิน"


"มันผ่านมา 13 ปีแล้ว ฉันต้องการชีวิตคืน"

"ฉันสมควรได้รับสิทธิเสรีภาพเท่าที่ทุกคนจะมีได้อย่างการมีลูก มีครอบครัว ฉันถูกบังคับให้ใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด (IUD) เพื่อที่ว่าจะมีลูกไม่ได้อีก ฉันอยากถอด IUD ออกเพื่อที่ได้มีลูกได้ แต่ทีมของฉันห้ามไม่ให้ไปพบหมอเพื่อที่จะเอามันออก เพราะพวกเขาไม่อยากให้ฉันมีลูกอีกได้ ฉันไม่เคยอยากพูดเรื่องนี้กับสาธารณะเพราะผู้คนก็จะหัวเราะเยาะฉัน และคิดว่าฉันกำลังโกหก ฉันคือบริทนีย์ สเปียร์ส ฉันมีทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่หรอ แต่ฉันไม่ได้โกหก ฉันอยากได้ชีวิตของฉันคืน มันผ่านมา 13 ปีแล้ว และมันควรพอได้แล้ว"

"ฉันถูกบังคับให้ใช้ยาทางประสาทที่แรงมาก ฉันรู้สึกเมาตลอดเวลา"

บริทนีย์กล่าวกับศาลด้วยเสียงสั่นเครือว่า เธอไม่ใช่ 'ทาส' ของใคร ตลอดการซักซ้อมและการแสดงอย่างหนักหลายปีติดต่อกันทั้ง 248 โชว์ที่ลาสเวกัส เธอรู้สึกอยู่เสมอว่ามันหนักจนเกินไป เธอไม่มีเวลา เธอไม่ได้ใช้ชีวิต แต่เธอก็เต็มที่กับการซ้อมเพื่อแสดงทุกครั้งและหลักฐานก็ปรากฎชัดเจนอยู่แล้วในทุกคลิปวิดีโอ

อย่างไรก็ตาม เกิดการให้ข้อมูลว่าเธอไม่ให้ความร่วมมือและไม่รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยเพราะ 8 ปีที่ผ่านมา เธอถูกให้ยาโดยผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหน้าที่ให้ยาเธอตอนเช้าในทุกๆ วัน และหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพียง 3 วัน ทางทีมของเธอเริ่มบังคับให้บริทนีย์หยุดยาที่กินมาตลอด 5 ปีให้หลัง และเริ่มใช้ 'ลิเธียม' แทน เป็นยาแรงสำหรับผู้ป่วยจิตเวชซึ่งมักใช้รักษาอาการไบโพลาร์ ส่งผลให้เธอรู้สึกมึนและเมาตลอดเวลา โดยหากใช้ลิเธียมนานเกิน 5 เดือนอาจส่งผลให้เกิดการสมองพิการได้

"ฉันถูกควบคุมโดยพ่อ 100,000%"

"พ่อของฉัน และทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทีมผู้จัดการของฉันซึ่งมีส่วนสำคัญมากกับกระบวนการควมคุมชีวิตและทรัพย์สินของฉัน (Conservatorship) ควรเข้าคุกให้หมด ฉันแทบอยากจะถือสายคุยกับคุณแบบนี้ตลอดไป เพราะทันทีที่ฉันวายหูโทรศัพท์ลง สิ่งเดียวที่ฉันได้ยินคือ 'ไม่' 'ไม่' และ 'ไม่' ฉันรู้สึกว่ากำลังถูกรุม กำลังถูกบูลลี่ และฉันรู้สึกถึงการถูกทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดาย ฉันเหนื่อยกับการที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน"

ทั้งนี้ การต่อสู้เพื่ออิสรภาพยังดำเนินต่อเนื่อง บริทนีย์ยื่นฟ้องพ่อของตัวเองและขอร้องให้ศาลยกเลิกการมอบอำนาจผู้พิทักษ์ให้กับพ่อของเธอ แต่การตัดสินเมื่อปลายปี 2561 ก็ออกมาว่าฝ่าย เจมี สเปียร์ส เป็นฝ่ายชนะ จึงยังคงสามารถควบคุมชีวิตของบริทนีย์ต่อไปได้ ทั้งที่หลายปีที่ผ่านมาเธอสามารถดูแลตัวเองและลูกๆ ได้ อีกทั้งยังทำเงินมหาศาลให้กับครอบครัว ขณะที่เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมต้องยืดเวลาการคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของนักร้องดังออกไปอีก ไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ

นอกจากการขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิก 'Conservatorship' ที่กินเวลามานานเกินทศวรรษแล้ว บริทนีย์ยังได้ขอเลือกทนายความใหม่เองด้วย จากเดิมที่เป็น 'ชามูเอล อิงแฮม' ทนายความที่ศาลแต่งตั้งให้ตั้งแต่ปี 2551 โดยหลังจากการฟังพิจารณาคดีในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ จะมีการรับฟังการพิจารณาคดีอีกครั้งในวันที่ 14 ก.ค. 2564

โจ้ ชลวิศว์ วงศ์ศรีวอ
พิธีกร - ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ
39Article
1Video
3Blog