วันที่ 26 เม.ย. ที่พรรคพลังประชารัฐ ในการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2567 อนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการเข้ารับตำแหน่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคได้แจ้งมายังตนว่า ส่งชื่อไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอย่างไร ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ส่วนกรอกประวัติรัฐมนตรีหรือยังนั้น ขอยังไม่ขอตอบ 

ส่วนเรื่องคุณสมบัตินั้น อนันต์ ยืนยันว่า คนเราเป็น สส. ต้องผ่านรัฐธรรมนูญ ม.98 ในเรื่องมาระดับหนึ่ง ดังนั้นการเป็นรัฐมนตรี ต้องใช้ ม.160 ซึ่งตนก็พยายามดูอย่างละเอียด ย้ำว่า ไม่ได้มีการขาดคุณสมบัติใด เพราะเราก็กลัวปัญหาที่เคยเกิดในอดีต ดังนั้นคุณสมบัติไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้ว เพราะเราดูละเอียดแต่ละหัวข้อแล้ว 

“การเป็นนักการเมือง เป็น สส. 6 สมัยผมไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ไม่เคยมีคดีเล็ก คดีน้อย ผมอยู่ด้วยความเรียบร้อย และได้รับความกรุณามาตลอดเราก็ทำงานอย่างเต็มที่“ อนันต์ กล่าว 

อนันต์ กล่าวอีกว่า ตนพร้อมทำงาน เพราะอยู่กับประชาชนมากกว่า 20 ปี เราเห็นปัญหามาตลอด แต่บางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่แก้ได้ง่ายๆ ต้องค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ ทำไปในทางที่คิดว่า เราทำได้ และต้องอยู่ในโลกความเป็นจริง และแม้ว่ส หากสุดท้ายไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่จะตัดสินใจ พรรคพลังประชารัฐเรามีเอกภาพ และทำตามข้อบังคับพรรค ทำตามที่กรรมการบริหารพรรคเห็นชอบ จะออกมาอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ

ส่วน พล.อ.ประวิตร ได้มีการแนะนำอะไรหรือไม่นั้น อนันต์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้แนะนำให้ทำงานอย่างเต็มที่ ซื่อสัตย์สุจริต และทำในสิ่งที่แก้ไขปัญหาให้ประชาชนที่เดือดร้อน ซึ่งก็ได้เน้นย้ำ สส. ให้แก้ไขปัญหาเช่นกัน และเน้นย้ำให้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน ยืนยันว่า วันนี้ทำงานได้เต็มที่ และดีที่สุด

เมื่อถามว่า ผลเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา จ.กำแพงเพชร ได้ สส.พรรคพลังประชารัฐ ยกจังหวัด สมควรมีรัฐมนตรีแล้วหรือยัง อนันต์ กล่าวว่า ตอนแรกที่คุยกันโควตานี้เป็นของ จ.กำแพงเพชร ซึ่งเราให้เกียรติ ไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร แต่จนถึงตอนนี้ เราคิดว่าใครอาจจะเป็นรัฐมนตรีก็ได้ เพราะชื่อต่อจาก ไผ่ ก็เป็นชื่อตน และตนไม่ได้ติดอะไร เราอยู่ตรงไหนเราก็ทำงานได้

อนันต์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีปัญหาอะไรกันในสัดส่วนของ สส.กำแพงเพชร เพราะเป็นเรื่องปกติ หากผลออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ เราตัดสินใจเองอะไรไม่ได้ แต่เราก็ทำงานอย่างเต็มที่ ผลจะออกมาอย่างไร เราก็ไม่ได้คิดอะไร และวันนี้การเป็นผู้แทนราษฎรมันก็เข้าไปอยู่ในสายเลือด เพราะตั้งแต่ปี 2540 ตนก็เข้ามาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เป็นวุฒิสภา (สว.) จากการเลือกตั้ง และเป็น สส. 4 สมัย ตนก็ย่อมเข้าใจสัจธรรมของการเมือง 

“ไม่มีท้อถ้าไม่ได้เป็นรัฐมนตรี เราก็ทำงานไป ไม่มีอะไร เพราะถ้าได้เป็นรัฐมนตรีก็ยิ่งเหนื่อยมาก แต่เราก็ต้องทุ่มเทเพิ่มขึ้น วันนี้ถ้ามันมันได้ หรือไม่ได้ เราก็ตอบไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่า เอกภาพของพรรคพลังประชารัฐนั้นยังมีอยู่ เราก็พร้อมรับทุกสถานการณ์ ช่วยพรรคเต็มที่เพื่อให้พรรคเป็นที่ยอมรับ และเป็นพรรคที่มีมาตรฐานเป็นสถาบันทางการเมืองได้ในอนาคต” อนันต์ กล่าวทิ้งท้าย