หลังจากแกนนำคณะราษฎร 2563 นำโดย อานนท์ นำภา พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน พร้อมคณะ นำมวลชนเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่เวลา 14.30 น. และมาปักหลักชุมนุมบริเวณถนนพิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 14 ต.ค. 2563 นั้น กระทั่งเวลา 20.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงแจ้งกับกลุ่มผู้ชุมนุมถึงข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ทำให้ เพนกวิน ลุกขึ้นปราศรัยโดยกำชับมวลชนอย่าเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีการปะทะเกิดขึ้นถือว่าเป็นมือที่สาม พร้อมย้ำว่า การชุมนุมจะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน จะใช้หลักสันติ อหิงสา อย่างสงบ และย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากากระทรวง (รมว.)กลาโหม ก็ฉีกกฎหมายมาเป็นนายกรัฐมนตรี
จากนั้น เวลา 21.15 น. อานนท์ นำภา ขึ้นปราศรัยตอนหนึ่งว่า ถ้ามีการสลายการชุมนุม ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม และจะมีทรราช อย่างน้อย 4 คนที่จะไม่มีที่อยู่ในประเทศไทย เพราะพวกเราอดทนมานานแล้ว นี่คือจุดแตกหักประวัติศาสตร์การเมือง พวกเราได้คัดเน้นๆ ปัญหา 3 ข้อ เป็นข้อเรียกร้อง 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สุนัข รับใช้ต้องออกไปในทันที 2.ทำได้ในทันทีในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ล่ารายชื่อเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ พร้อมส่งเสียงให้มวลชนตะโกนพร้อมกันว่า "เปิดสภา"
อานนท์ระบุว่า ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ว. และพรรคพลังประชารัฐจะไม่มีที่ยืนอยู่ในประเทศไทยอีกต่อไป
"เมื่อไล่ประยุทธ์แล้วจะไล่สุนัขรับใช้ออกไปด้วย" อานนท์ ระบุ
อานนท์ ระบุว่า 3.ถ้าไม่มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ประเทศนี้จะไปต่อไม่ได้ ไม่ได้เอาวันเดียวทั้ง 3 ข้อ
อานนท์ ระบุว่า ขอให้ปล่อย ไผ่ ดาวดิน จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ก่อนเวลา 12.00 น. ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ และขอให้มวลชนปรบมือให้กำลังใจกลุ่มนักศึกษาอีก 20 คนที่ถูกขังร่วมกับ ไผ่ ดาวดินด้วย พร้อมย้ำว่าต่อจากนี้จะไม่มีการเจรจาใดๆกับตำรวจอีกต่อไป หากทหารออกมาสลายการชุมนุม ยึดอำนาจ ยืนยันตรงๆ ประเทศนี้จะไม่เหมือนเดิม
"ขอให้ทุกท่านอยู่กับเรานานๆ ถ้าจำนวนเราลด มันมาแน่ บอกมันไปว่ากูไม่กลัวมึง ถ้าสลายการชุมนุมเมื่อไหร่ ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม ต่อไปนี้จะไม่มีการอ่อนข้อ สมยอม หรือลดเพดานการต่อสู้ใดๆ" อานนท์ ระบุ
สีสันกลุ่ม นศ.ทำกิจกรรมหน้าทำเนียบฯ
ขณะที่บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา มข. ชูป้ายประท้วง “มข. ไม่ปกป้องนักศึกษา” เรียกร้องให้อธิการบดีของมหาวิทยาลัยออกมาเคลื่อนไหวกับเหตุการณ์วันที่ 13 ต.ค. ที่กลุ่มเยาวชนที่ออกมาทำกิจกรรมถูกสลายการชุมนุมที่หน้าแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน พวกตนเห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มตนไม่ได้รับการสนับสนุนจากในมหาวิทยาลัย การจัดกิจกรรมก็โดนขัดขวาง ซึ่งแกนนำที่ถูกจับกุมเมื่อวานนี้ 21 คน มี 10 คนที่เป็นนักศึกษา มข. ถูกจับกุมและฝากขัง พวกตนจึงให้อธิการบดีออกมาช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังร่วมกันร้องเพลงเลือดสีอิฐ เป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัย ที่แสดงถึงความสามัคคีให้มหาวิทยาลัยและยืนหยัดเคียงข้างประชาชน
ด้านสหพันธ์นิสิต นักศึกษา นักเรียน และเยาวชน ปาตานี (Permas) ชูป้าย “Right to self determination of Patani people ประชาธิปไตยนำไปสู่สันติภาพปาตานี” สนับสนุนข้อเสนอของกลุ่มคณะราษฎร เพื่อเปลี่ยนประเทศเป็นประชาธิปไตย เพราะเชื่อว่าถ้าประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย ปาตานีหรือสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ไม่สามารถเกิดสันติภาพได้
กลุ่มนักเรียนปลดแอก หรือ กลุ่มนักเรียนราดซอส เป็นเด็กมัธยมศึกษา ทำแคมเปญใครๆก็เป็นแกนนำได้ เนื่องจากที่ผ่านมามีแกนนำหลายคนถูกจับกุมตัว แต่พวกตนคิดว่าต่อให้แกนนำถูกจับตัวไป เด็กรุ่นใหม่ก็มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศอยู่ดี โดยกลุ่มนี้เกิดจากการที่น้องๆ จากโรงเรียนหอวัง และโรงวัดราชบพิตร ที่เจอกันในม็อบมารวมตัวกันทำกิจกรรม เปิดให้ทุกคนมาร่วมเสวนากัน พูดถึงในประเด็นต่าง เช่น ศาสนา การศึกษา หรือแม้กระทั่งสถาบัน แลกเปลี่ยนความเห็นกัน รวมทั้งเขียนข้อความที่ต้องการจะเปลี่ยนประเทศถึงผู้มีอำนาจ
ขณะที่ กลุ่มผู้หญิงปลดแอก พูดถึงเรื่องการยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 301 เรื่องการเอาผิดผู้หญิงทำแท้ง และรวบรวม 10,000 รายชื่อเพื่อสนับสนุนการสมรสเท่าเทียม และยกเลิกกฎหมายการค้าประเวณี และมีกิจกรรหาเพื่อนเดินในม็อบ ‘ที่นี่ไม่มีใครโดดเดี่ยวทางอุดมการณ์’ พร้อมรับเรื่องร้องเรียนการถูกคุกคามทางเพศทั้งในม็อบและพื้นที่การเมือง และส่งเรื่องไปถึงทนายและให้คำปรึกษาเบื้องต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง