เป็นเรื่องที่ดูจะ ‘เซอร์ไพรส์’ แต่ก็ไม่ถึงกับ ‘ตะลึง’ หลัง ‘หัวหน้ามาร์ค’ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาประกาศจุดยืนว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่อ เพราะการสืบทอดอำนาจจะทำให้ขัดแย้ง และขัดจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประชาชนต้องเป็นใหญ่ 

แต่ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ได้แสดงออกมาว่าจะไม่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ จึงมีการมองว่า สุดท้ายแล้วโอกาสที่ทั้ง 2 พรรคจะจับมือกันก็ยังมีความเป็นไปได้ มากกว่าจับมือกับ ‘พรรคเพื่อไทย’ จึงต้องมองกันต่อไป อีกทั้ง ‘หัวหน้ามาร์ค’ ยังเคยออกมาประกาศแล้วว่า ถ้าพรรคได้เก้าอี้ต่ำกว่าร้อยจะลาออกด้วย เดิมพันนี้ของ ‘อภิสิทธิ์’ จึงสูงนัก

หากฝั่งพรรคคนกันเองเคยลงเรือร่วมกัน อย่างพรรคภูมิใจไทย ‘เสี่ยหนู' อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำถึงจุดยืนพรรคว่า ใครจะเป็นนายกฯ ก็ได้ แต่ขอให้เป็นการเลือกโดย ส.ส. และไม่ต้องการให้ 250 ส.ว. มานำ 500 ส.ส. และ ไม่ได้ปฏิเสธการร่วมงานกับพลังประชารัฐ

คำตอบของทั้ง 2 พรรค ในเวลานี้จึงไม่ใช่การ ‘แตกหัก’ ใดๆ ตามที่มองกัน แต่ลึกกว่านั้น ถือเป็น ‘จุดเริ่มต้น’ ของการ ‘ต่อรองอำนาจ’ ทางการเมืองได้เกิดขึ้นแล้ว

เพราะ ‘สูตรการเมือง’ มีได้ทุกรูปแบบ โดยการที่พรรคอันดับ 1 ควรได้นำจัดตั้งรัฐบาล ก็เป็นเพียงเรื่อง ‘มารยาททางการเมือง’ เท่านั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่บังคับใช้หรือระบุในรัฐธรรมนูญ 2560

• อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

หากจับท่าที ‘2 ป.บูรพาพยัคฆ์’ ทั้ง ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ที่จะ ‘แตกหัก-ขัดแย้ง’ กับทั้ง 2 พรรคนี้ โดยการ ‘เลี่ยงตอบคำถาม’ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ตอบถึงการ ‘ตั้งรัฐบาล’ ในอนาคตแทน โดยให้ยึดตามกฎหมาย แต่การตั้งรัฐบาลต้องมั่นคง ไม่ใช่ตั้งมาแล้วก็ยุบสภา ก็จะไม่จบไม่สิ้นกันอีก

ทำให้เรื่องนี้ตกมาถึง พล.อ.ประวิตร ที่ถูกจับตาเป็น ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ ถึงการตั้งรัฐบาลในอนาคต โดยมั่นใจว่าจะไม่ลำบาก 

ดังนั้นจึงต้องจับตาต่อไปหลัง 24 มี.ค.นี้ ผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ ‘พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์’ พรรคใดจะได้ลำดับสูงกว่ากัน เพราะจะเป็น ‘แต้มต่อ’ ทางการเมืองทันที จึงเกิดกรณีที่ว่าหาก ‘พรรคประชาธิปัตย์’ ชนะ แล้ว ‘อภิสิทธิ์’ จะยอมถอยให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ และทำอย่างไร ?

อีกทั้งในกรณีที่ หากพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายต้าน คสช. ชนะเลือกตั้ง สภาวะแกว่งทางการเมืองย่อมเกิดขึ้น ซึ่งฟากฝั่งพรรคเพื่อไทยก็เริ่มเห็นชะตากรรมตัวเองไม่น้อย รวมทั้งท่าทีของกองทัพ โดยเฉพาะ ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. นับตั้งแต่ปรากฏการณ์เพลงหนักแผ่นดิน จนถึงการนำ ผบ.หน่วยกำลังรบ ปฏิญาณตนด้วย ความสัทพันธ์ระหว่างกองทัพกับรัฐบาลในอนาคต จึงต้องจับตาไปพร้อมๆ กัน ซึ่ง ผบ.เหล่าทัพ และ ปลัดกลาโหม ก็เป็น ส.ว.สรรหา ตามตำแหน่งด้วย

• อนุทิน ชาญวีรกูล แห่งพรรคภูมิใจไทย (กลาง)

พร้อมกันนี้มีกระแสข่าวตั้งแต่สัปดาห์ก่อนว่าสุดท้ายแล้ว ส.ว. จะคุมได้หรือไม่ ? แน่นอนว่าขุมกำลัง ส.ว.สรรหา เป็นเกราะคุ้มกันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในอนาคต และเป็นสิ่งที่ ’รับประกัน’ ถึงอนาคตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ก็ย้ำชัดว่าคุมได้

“เราตั้ง เราก็ต้องคุมให้ได้สิ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

โดยก่อนหน้านี้มีรายชื่อผู้ชิงเก้าอี้ ส.ว. ที่ถูกวิจารณ์ว่ามีความใกล้ชิด ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ที่รวมถึง ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ด้วย ซึ่งต่างก็ปฏิเสธกระแสข่าวทั้งหมด

“คิดไปเองทั้งนั้นแหละ คุณก็ถามไปเรื่อย ผมยังไม่รู้จักใครเลย” พล.อ.ประวิตร กล่าว

“เป็นข่าวที่ไม่มีฐานความจริง ผมไม่ทราบและไม่ขอตอบ เป็นหน้าที่คณะกรรมการสรรหาเป็นผู้พิจารณา ถ้าผมตอบไปมันก็จะเป็นประเด็น” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ออกมาตอบเรื่อง ส.ว.สรรหา อย่างตรงไปตรงมา โดยชี้ถึงการมี ส.ว.เลือกตั้งในอดีตที่ก็เป็นคนกลุ่มเดียวกับ ส.ส. ซึ่งน่ากลัวกว่า อีกทั้งย้ำว่า หากสถานการณ์ในอนาคตดีขึ้น ก็จะลดจำนวน ส.ว.สรรหาลงไป แล้วนำในส่วนที่เลือกตั้งเข้ามา พร้อมระบุว่า ขอในช่วง 5 ปีนี้ก่อน เพื่อให้มีความสมดุล

อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งร้อนแรงทั้ง 2 สภา ที่เปรียบเป็น ‘โลกสองใบ’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะต้องกรำศึกในอนาคต หากได้เป็น นายกฯ อีกครั้ง ที่แน่ๆ ศึกครั้งนี้ยังไม่จบง่ายๆ แน่นอน 

ในเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะปฏิเสธขึ้นเวทีปราศรัยพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็อาศัยลงพื้นที่พบประชาชนแทน โดยเป็นจังหวัดที่พรรคเคยไปตั้งเวทีปราศรัยล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว จึงต้องมาดูกันว่าจะ ‘ปลุกเรตติ้ง’ ช่วงโค้งสุดท้ายนี้ได้ขนาดไหน และจะมี ‘เซอร์ไพรส์’ ใดออกมาอีก