ธุรกิจ 'สถาบันกวดวิชา' ในจีน ปัจจุบันมีมูลค่าทางการตลาดรวมกว่า 3.29 ล้านล้านบาท จำนวนมากเป็นการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ถูกสกัดโดยภาครัฐของจีนซึ่งอาจส่งผลกระทบเป็นเม็ดเงินการลงทุนจากต่างชาติมูลค่ามหาศาลหลังจากนี้
ในวันเสาร์ที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนออกคำสั่งห้ามโรงเรียนกวดวิชาที่ทำการสอนเนื้อหาเดียวกันกับหลักสูตรภาคบังคับของกระทรวงศึกษาธิการจีน 'รับเงินลงทุนจากต่างชาติ' แม้เงินลงทุนบางส่วนอาจจะมาจากบริษัทสัญชาติจีนที่อยู่ในต่างประเทศก็ตาม โดยทางการจีนระบุในคำสั่งว่า "บริษัทใดก็ตามที่กำลังทำผิดข้อบังคับใหม่นี้ต้องเร่งดำเนินการให้ถูกต้องทันที"
นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวยังระบุด้วยว่า 'บริษัทจดทะเบียน' จะไม่สามารถระดมเงินทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์เพื่อนำเงินไปลงทุนในสถาบันกวดวิชาที่ทำการสอนเนื้อหาเดียวกันกับกระทรวงศึกษาธิการได้อีกต่อไป การกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการละเมิดกฎใหม่ของภาครัฐ ขณะที่การเรียนกวดวิชาภาคฤดูร้อนและช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีการเรียนการสอนเนื้อหาที่ใกล้เคียงกับหลักสูตรภาคปกติถือเป็นการละเมิดกฎเช่นกัน
กฎระเบียบใหม่นี้ถือเป็นการสกัดกั้นการเติบโตของ 3 บริษัทใหญ่ที่เข้าไปลงทุนเป็นเม็ดเงินมหาศาลในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการเรียนการสอนในรูปแบบกวดวิชา อันประกอบไปด้วยบริษัท TAL Education Group บริษัท New Oriental Education & Technology Group และบริษัท Gaotu Techedu Inc.
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจสถาบันกวดวิชาในจีนได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนทั่วโลก ดึงดูดเม็ดเงินหลายล้านล้านบาทจากกลุ่มบริษัทระดับโลกทั้ง Tiger Global Management, Temasek Holdings Pte และ SoftBank Group Corp. อย่างไรก็ตาม คำสั่งของรัฐบาลจีนจะส่งผลให้กลุ่มบริษัทจากต่างชาติเข้ามาลงทุนยากมากขึ้น
ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลจีนในการจัดการกับกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีนที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างบริษัท Didi Global Inc. และ Alibaba Group Holding Ltd.
ขณะที่อีกรากของปัญหาอย่างหนึ่งก็คือการที่เยาวชนจีนนั้นต้องเผชิญกับการเรียนที่หนักหน่วงและไม่รู้จบ สร้างความทุกข์ทรมานให้กับนักเรียนจีน ขณะที่ผู้ปกครองก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอย่างมากในแต่ละปี โดยกระทรวงศึกษาธิการจีนชี้ว่า "ธุรกิจสถาบันกวดวิชาในจีนทำลายธรรมชาติของการศึกษาที่แท้จริงแล้วควรจะเป็น 'สวัสดิการ' "