ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนด (พรก.) ในส่วนของแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 4 แสนล้านบาท ว่า ตามที่รัฐบาลได้อนุมัติกรอบงบประมาณที่ใช้ในการดูแลเศรษฐกิจ เฟสแรกรวมทั้งสิ้น 92,000 ล้านบาท ขณะที่เม็ดเงินได้เริ่มทยอยลงสู่ระบบแล้วบางส่วน โดยเฉพาะในมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ส่วนการจ้างงานจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ต.ค. 2563 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างกำหนดแผนรายละเอียดแต่ละโครงการตามกรอบโครงการชุดแรก 4.5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 4.7 หมื่นล้านบาท ในช่วงบ่ายวันนี้ 9 ก.ย. 2563 จะมีการพิจารณาโครงการอีกครั้งเพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า
"วันนี้จะมีการพิจารณารายละเอียดอีกประมาณ 3-4 เรื่อง เช่น โครงการ 1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย ที่จะเป็นการจ้างนักศึกษาจบใหม่ ตำบลละ 20 คน ประมาณ 3,000 ตำบล เพิ่มการจ้างกว่า 6 หมื่นอัตรา และโครงการเกษตรแปลงใหญ่ รวมถึงการสร้างอาชีพผ่านกองทุนหมู่บ้าน" ทศพร กล่าว
ส่วนการนำเสนอโครงการสำหรับการขอใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาท ในเฟสที่ 2 ยังคงจะเน้นการจ้างงานเป็นหลัก ซึ่งจะมีโครงการ Job Expo 2020 ที่จะจ้างงานเด็กจบใหม่อีกกว่า 2.6 แสนตำแหน่ง รวมถึงโครงการคนละครึ่ง ที่เป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคประชาชน ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติมว่าหลักเกณฑ์ หรือ เงื่อนไขจะเป็นอย่างไร ซึ่งเบื้องต้นรัฐบาลจะให้ความสำคัญไปยัง กลุ่มผู้ประกอบการรายเล็ก เช่น หาบเร่แผงลอย แม่ค้าส้มตำ เป็นต้น โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1 เดือน
นอกจากนี้เลขาฯ สภาพัฒน์ ยังได้เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่า ขณะนี้ได้ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พิจารณารายละเอียดในเรื่องของ Spacial Visa เพื่อกำหนดเงื่อนไข และพิจารณาว่าจะนำนักท่องเที่ยวกลุ่มใดเข้ามาในประเทศได้บ้าง เพื่อเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 (ศบศ.) พิจารณาโดยเร็วที่สุด ก่อนให้ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) พิจารณาว่าจะดำเนินการได้หรือไม่ โดยแนวทางเบื้องต้นจะเปิดให้ต่างชาติเข้ามาแบบระยะยาว (Long Stay) แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการตรวจโรคตั้งแต่ประเทศต้นทาง และเป็นไปตามกระทรวงสาธารณสุขของไทย