ไม่พบผลการค้นหา
บอย ศิริชัย หัวหน้าคณะหมอลำใจเกินร้อย ระบายความรู้สึกเครียด ท้อแท้ สิ้นหวัง หลังการระบาดของโควิด-19 ทำให้งานจ้างหมอลำหายเกลี้ยง ขังตัวเองในห้องเป็น 10 วัน ก่อนได้กำลังใจจากครอบครัว ช่วยทำให้ปล่อยวาง ฮึดสู้ต่อได้แบบวันต่อวัน

ภู่กัน ปุริสาย หรือ บอย ศิริชัย หัวหน้าคณะหมอลำใจเกินร้อย หมอลำดังขวัญใจคนอีสานที่มีคิวงานแน่นข้ามปี ออกมาระบายผ่านเฟซบุ๊ก บอย ศิริชัย หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบทำให้ถูกยกเลิกงานแสดงจนหมด สูญเงินหลายล้านบาท ลูกวงกว่า 300 ชีวิตตกงาน ขาดรายได้ จำใจต้องแยกย้ายทิ้งชีวิตการแสดง ส่วนตนรู้สึกว่า วิกฤตครั้งนี้หนักแสนสาหัส เครียด ท้อแท้ สิ้นหวัง ถึงขั้นขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นเวลา 10 กว่าวัน ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนโทรมเหมือนคนป่วย ก่อนได้คุณยาย และคนในครอบครัวให้กำลังใจ เรียกสติกลับคืนมาได้ ทำให้สามารถปลงกับชีวิตหรือปล่อยวางได้ เลิกกังวลกับอนาคต สู้เพื่ออยู่รอดแบบวันต่อวัน 

“เมื่อรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.เพื่อควบคุมสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 การแสดงจำเป็นจะต้องหยุดเพื่อให้ความร่วมมือกับสังคม วินาทีนั้นรู้สึกเคว้งคว้าง ในจุดที่ยืนอยู่ที่จะต้องรับผิดชอบ 300 กว่าชีวิต ข้าวของร้อยอันพันอย่าง ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจัดการตรงไหนก่อนในวันที่พวกเราตกงานแบบไม่ได้ตั้งตัว 

คาราวานรถที่ใช้เดินทางทำการแสดงกว่า 20 คันเดินทางกลับเข้ามาถึงบ้านพัก ลูกน้องทุกคนสีหน้าเศร้าเก็บสัมภาระและอุปกรณ์ต่างๆ ลงจากรถ ทุกคนเงียบไม่มีเสียงพูดคุยและปราศจากรอยยิ้ม ผมแทบไม่อยากมองหน้าใครไม่อยากทำอะไรเลยเช่นกัน แต่ก็ต้องปลุกใจตัวเองลุกขึ้นมาเคลียร์ทุกๆ อย่าง

บอย ศิริชัย.jpg

จากนั้นผมก็เรียกลูกน้องประชุมชี้แจงสถานการณ์ สาระสำคัญคือบอกกับลูกน้องให้ยอมรับความจริง ว่าเราต้องหยุดการแสดง ขอให้ทุกคนช่วยเก็บสิ่งของต่างของวงให้เข้าที่ และเก็บของตัวเองแยกย้ายกลับบ้าน รู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก แต่ยังคงปลอบใจลูกวงว่า อีกไม่นานคงดีขึ้นแล้วเราน่าจะได้แสดงเร็วๆ นี้

หลังจากทุกคนก็ได้แยกย้ายกลับบ้าน บ้านพักก็เงียบสงัดทั้งกลางวันกลางคืน ผมพักอยู่ที่ชั้นบนของบ้านซึ่งสามารถมองเห็นทั่วบริเวณบ้านพักรู้สึกใจหาย เคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก ไม่คุยกับใคร ไม่อยากทานข้าว จ้องแต่หน้าจอข่าวติดตามความเคลื่อนไหว คิดไปต่างๆ นานา คิดหนักที่สุดคือการเงิน เพราะเงินก้อนที่เก็บไว้นำมาก่อสร้างอาคารและปรับที่ดินบริเวณบ้านหมด 

ตอนนี้จะจัดการอย่างไรดีกับหนี้สิน งวดรถ ต่างๆ ที่นำมาเป็นทุนทำวง ยอมรับว่าท้อแท้ ไม่อยากทำอะไร 10 วันเต็มๆ ที่ไม่โพสต์ไม่เคลื่อนไหวในโซเชียล ไม่ติดต่อใคร ไหว้พระ สวดมนต์ เรียกสติปัญญา ปลุกใจตัวเอง ต้องสู้นะเราจะตายตอนนี้ไม่ได้ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ สิ้นหวังหมดหวัง หมดแรงที่จะลุกขึ้นมาสู้ พูดถึงตรงนี้ทุกคนคงคิดว่าผมอ่อนแอ ดราม่า ไม่มีเหตุผล ชีวิตใครชีวิตมันจะรู้เรื่องกันได้อย่างไร ไม่เจอกับตัวเองไม่มีวันเข้าใจหรอก ลุกขึ้นส่องกระจกเห็นตัวเองซูบผอม โทรม เหมือนคนป่วย ตกใจ แล้วพูดกับตัวเองว่า อยู่แบบนี้ไม่ได้แล้วต้องลุกขึ้นมาต้องออกจากห้อง

หลังจากอยู่ในห้องประมาณ 10 กว่าวันในวันนั้นผมก็ได้ลุกออกมา เดินไปหลังบ้านเห็นยายกำลังปลูกต้นไม้ผมก็เลยลงมือช่วยปลูก ยายก็เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้หัวเราะพูดคุยกันไป รู้สึกมีสติ มีความสุขเล็กๆ หวังเล็กๆ สู้กับตอนนี้ก่อนไม่ต้องห่วงอนาคต เริ่มมองแนวทางตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก ตัดภาระบางอย่างที่รับผิดชอบอยู่ออกไป ผมเอาเงินให้พี่สาวและหลานไปลงทุนขายก๋วยเตี๋ยวอาหารอื่นๆ (อุปกรณ์เครื่องครัวมีครบอยู่แล้ว) เพื่อจะมีรายได้สำหรับเขาเอง

บอย ศิริชัย.jpg

ส่วนผมก็ทำในสิ่งที่ผมรัก นั่นก็คือลำ ร้องเพลง และเผยแพร่ไลฟ์สด พูดคุยกับแฟนคลับซึ่งเหมือนว่าทุกคนกำลังรอผมอยู่เช่นกัน ผมไม่สิ้นหวังแล้ว ไม่ท้อแล้ว ไม่เหนื่อยแล้ว ทั้งหมดที่พูดมาคือ ในสถานการณ์แบบนี้คือไม่ต้องกังวลกับอนาคต อะไรที่มันจะเสียก็ปล่อยให้มันเสียไปถือว่าไม่ใช่ของของเราเอาชีวิตและจิตใจของตัวเองไว้ก่อน ไม่ตายก็คงหาใหม่ได้ ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องอยู่ในห้องคนเดียว หลายคนที่รักและเป็นห่วงเราสร้างกำลังใจให้เราได้ ครอบครัวสร้างกำลังใจให้เราได้ และที่สำคัญกำลังใจจากตัวเองมีพลังที่สุดและอย่าลืมส่งกำลังใจให้คนที่รักเราด้วยนะครับ”