เซินเจิ้น อดีตหมู่บ้านชาวประมงทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนกลายมาเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในระยะเวลา 40 ปี หลังจากประกาศจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเมื่อปี 1978 อันเป็นปีที่เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำจีนในยุคนั้นประกาศปฏิรูปเศรษฐกิจจีนครั้งใหญ่ ด้วยการเปิดประเทศรับเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาในจีนเป็นครั้งแรกหลังจากการปฏิวัติสู่สาธารณัฐประชาชนจีน
เซินเจิ้นในวันนี้จากเมืองที่ขึ้นได้ว่าเป็นแหล่งสินค้าก็อปปี้ หรือสินค้าลอกเลียนแบบ ได้กลายมาเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของจีนที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นที่ตั้งของบริษัททางด้านเทคโนโลยีอย่าง หัวเหว่ย บริษัทเทคโนโลยีด้านการสื่อสารระดับโลกของจีน Tencent บริษัทแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้กว่า1,000 ล้านคนทั่วโลก และ บริษัทผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดแห่งของโลกอย่าง DJI อีกด้วย
การลอกเลียนแบบของคนจีน เขาจะเพิ่มไอเดีย ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในชิ้นงาน รวมไปถึงการพัฒนาชิ้นงานต่างๆเพื่อให้สอดคล้องและตอบโจทย์กับชีวิตประจำวันของพวกเขามากขึ้น
เซินเจิ้น เมืองแห่งสตาร์ทอัพทางด้านเทคโนโลยี
รายงานของบริษัทวิจัยตลาดสหรัฐฯระบุว่า ทุกวันๆในจีน มีบริษัทสตาร์ทอัพเกิดขึ้นกว่า 16,000 แห่ง และปัจจุบันจีนมีสตาร์ทอัพยูนิคอร์น หรือ บริษัทสตาร์ทอัพที่มูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯอยู่กว่า 70 แห่ง โดยกระจายอยู่ต่างเมืองใหญ่ๆอย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หางโจว และเซินเจิ้น แม้ว่าเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อบ่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้นยังถือว่ามียูนิคอร์นยังน้อย โดยเซินเจิ้นมีบริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่า1,000ล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯเพียง 6 แห่งเท่านั้น เมื่อเทียบกับปักกิ่งที่มีอยู่ถึง 34 แห่ง และในเซี่ยงไฮ้ที่มี 16 แห่ง และหางโจว 14 แห่ง
(ฺBike Sharing หนึ่งในสตาร์ทอัพของจีนที่ทุกคนสามารถยืมจักรยานขี่ไปในที่ต่างๆได้ เพียงแค่สแกนQR code ผ่านโทรศัพท์ )
เอย เมธาวี ตันตระเวนิชย์ ผู้ที่คลุกคลีกกับวงการสตาร์ทอัพในเซินเจิ้นกล่าวว่า "แม้ทุกวันนี้เซินเจิ้นเป็นเมืองแห่งการลอกเลียนแบบ แต่นั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเซินเจิ้นที่ตกทอดมาจากในอดีต แต่การลอกเลียนแบบของคนจีน เขาจะเพิ่มไอเดีย ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในชิ้นงาน รวมไปถึงการพัฒนาชิ้นงานต่างๆเพื่อให้สอดคล้องและตอบโจทย์กับชีวิตประจำวันของพวกเขามากขึ้น ดังนั้นในทุกๆวันจึงมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เป็นจำนวนมากเกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้"
นอกจากนี้เอยยังกล่าวถึงความท้าทายของเซินเจิ้นกับการทำสตาร์อัพนั้น เอยกล่าวว่า เซินเจิ้นเป็นเมืองที่มีการแข่งขันกันสูงและเป็นเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้สตาร์ทอัพที่เข้ามาในเซินเจิ้นนั้นหมุนไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งภายใน 3 เดือน เราอาจเห็นสตาร์ทอัพเกิดขึ้นมาหลายพันแห่ง แต่สุดท้ายจะมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถอยู่รอดได้ ดังนั้นคนที่เข้ามาในเมืองนี้ส่วนใหญ่จะต้องทำงานเเข่งกับเวลาที่เติบโตอย่างรวดเร็วของเมือง เซินเจิ้น
(DJI ผู้ผลิตโดรนชั้นนำของจีนและของโลกก็เติบโตมาจากสตาร์ทอัพในเมืองเซินเจิ้น)
ขณะที่เหอ เซวีย เมี่ยว ซีอีโอของบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทีวี Xiaomiao ในเซินเจิ้นกล่าวถึงสิ่งที่ทำให้สตาร์ทอัพจีนแตกต่างจากในยุโรป และอเมริกา คือ เรื่องของ 'เทคโนโลยีและนวัตกรรม' ที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้คนจีนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ตลอดเวลาและเทคโนโลยีต่างๆที่หมุนอยู่รอบตัวแต่ละคนนั้น ทำให้หลายคนเกิดไอเดียในการปรับปรุงและพัฒนาสิ่งต่างๆเพื่อให้ตอบสนองต่อการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา ซึ่งแต่ต่างจากในสหรัฐฯ และยุโรปที่การใช้เทคโนโลยีในมือถือยังคงมีน้อยและยังจำกัด
ทุกวันนี้เซินเจิ้นจึงเต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่และผู้ที่แสวงหาโอกาสในการเริ่มต้นธุรกิจที่เต็มไปด้วยไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมซึ่งอย่างน้อยที่สุดผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีไอเดียที่น่าสนใจจะได้รับการสนับสนุนจากเอกชนรายใหญ่อย่าง Tencent และ หัวเหว่ยที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองแห่งนี้ จึงทำให้สตาร์ทอัพที่เกิดขึ้นในเมืองนี้สามารถต่อยอดและพัฒนาตนเองออกสู่ตลาดไม่เพียงแต่ในจีนแต่คนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้มองไกลออกไปถึงในระดับโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง