'จูเซปเป คอนเต' นายกรัฐมนตรีอิตาลี แสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในเมืองเวนิส แคว้นเวเนตโตของอิตาลี ทั้งยังประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อเปิดให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวผู้ประสบภัยในวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากฝนตกกระหน่ำตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. ทำให้ระดับน้ำท่วมในหลายพื้นที่สูงระหว่าง 1.20 - 1.87 เมตร ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 50 ปี

นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 รายจากเหตุเกี่ยวข้องกับน้ำท่วม และบ้านเรือนจำนวนมากประสบเหตุไฟดับ และคาดว่าจะมีฝนตกอีกหลายระลอก ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยต้องเร่งช่วยเหลือประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำท่วมที่จะสูงขึ้น รวมถึงอพยพผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมรุนแรง

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์บีบีซีรายงานว่า น้ำท่วมได้สร้างความเสียหายถึงร้อยละ 80 ของเมืองเวนิส ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะเวนิสเป็นเมืองที่ประสบภัยน้ำท่วมทุกปี เนื่องจากเป็นเมืองที่สร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ กว่าร้อยเกาะเข้าด้วยกันบนพื้นที่รอบทะเลสาบเวเน็ตเชีย ซึ่งเชื่อมต่อกับทะเลอะเดรียติก แต่น้ำท่วมในปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้เกรงว่าสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในเมืองเวนิสจะได้รับผลกระทบร้ายแรง

ส่วน 'ลุยจี บรูญาโน' นายกเทศมนตรีเมืองเวนิส ระบุว่า สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้ำท่วมรุนแรงขึ้นทุกปี และคันกั้นน้ำที่ทางการติดตั้งเพื่อป้องกันน้ำท่วมไม่สามารถรับมือกับระดับน้ำที่สูงขนาดนี้ได้ และภัยน้ำท่วมในปีนี้จะทิ้งร่องรอย "ที่ไม่อาจลบเลือน" เอาไว้ด้วย พร้อมประเมินมูลค่าความเสียหายอาจสูงกว่าร้อยล้านยูโร

ขณะที่ 'บาทหลวงฟรานเชสโก มอราเกลีย' ผู้รับผิดชอบดูแลวิหารเซนต์มาร์กส์ที่เก่าแก่และเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาวคริสต์และวงการสถาปัตยกรรมของโลก ระบุว่าน้ำท่วมด้านในวิหารส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคาร และเมื่อน้ำลดก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถซ่อมแซมสิ่งที่เสียหายให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะกระเบื้องและโมเสกประดับตกแต่งอาคาร 

เว็บไซต์เดอะการ์เดียนรายงานว่า ในรอบ 1,200 ปีที่ผ่านมา วิหารเซนต์มาร์กส์นี้เคยถูกน้ำท่วมไม่กี่ครั้ง โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ซึ่งถือว่าหนักที่สุด เพราะน้ำท่วมในอาคารจุดที่สูงที่สุดแตะระดับ 1 เมตรเศษ แต่ 'ดาริโอ ฟรานเซสชินี' รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมอิตาลี ระบุว่าจะสอบถามไปยังยูเนสโกเพื่อประเมินว่าจะสามารถขอความช่วยเหลือด้านงบประมาณในการซ่อมแซมเมืองมรดกโลกแห่งนี้ได้หรือไม่

ส่วนซีเอ็นเอ็นรายงานอิางอิงสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเวนิส 'แอนเดรีย ซาโนนี' ระบุว่าน้ำท่วมอาคารสภาเทศบาลเช่นกัน และ 'น่าหัวร่อ' ที่ระดับน้ำเพิ่มสูงท่วมอาคารเพียงไม่นานหลังจากที่ประชุมสภาลงมติไม่จัดสรรงบประมาณสำหรับรับมือสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ทั้งยังเผยแพร่ภาพห้องประชุมที่ถูกน้ำท่วมกว่าสิบเซนติเมตรลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว

• น้ำท่วมห้องประชุมสภาเทศบาลเมืองเวนิส

อย่างไรก็ตาม โรแบร์โต ชัมเบตตี ประธานสภาเทศบาลเมืองเวนิส ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคลีก ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา ตอบโต้ว่าโพสต์ของซาโนนีเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะน้ำท่วมที่ประชุมสภาหลังจากลงมติเรื่องการจัดสรรงบประมาณโดยรวมในปีหน้า ซึ่งมีการจัดสรรงบเพื่อสู้กับปัญหามลพิษทางอากาศ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมเป็นเงินกว่า 965 ล้านยูโร 

ทั้งนี้ ระดับน้ำท่วมในเวนิสเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และรัฐบาลอิตาลีได้จัดสรรงบประมาณเพื่อรับมือกับน้ำท่วมในด้านต่างๆ ทั้งการสร้างคันกั้นน้ำเพื่อสกัดน้ำทะเลหนุน รวมถึงการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนที่เป็นตัวการให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกและภาวะโลกร้อน แต่ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี

• กราฟฟิตีของศิลปินสตรีทอาร์ตชื่อดัง 'Banksy' เสี่ยงจมน้ำในเมืองเวนิส

ภาพปก: นักท่องเที่ยวดื่มไวน์สู้น้ำท่วม

ที่มา: BBC/ CNN/ The Guardian