พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวถึงขั้นตอนภายหลังนำรายชื่อประธานและรองประธานของสภาขึ้นทูลเกล้า ว่า วันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกนายกรัฐมนตรีใครจะได้เป็นยังไม่รู้เป็นเรื่องของรัฐสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นภาพความวุ่นวายการต่อรองตำแหน่งของพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า หากสื่อเห็นว่าวุ่นวายตนก็เห็นเหมือนกัน แต่หากเห็นว่าไม่วุ่นวายตนก็มองว่าไม่วุ่นวายซึ่งทุกอย่างที่คน ทั้งนี้เชื่อว่าจะต้องมีการหารือกันต่อไปและคิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาของนายกรัฐมนตรีคนต่อไปที่ต้องแก้ไข รวมถึงพรรคการเมืองก็ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาด้วย โดยการมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน
เมื่อถามว่า หากสมมุติ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป จะคุมสถานการณ์การเมืองแบบนี้ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งสมมุติเพราะตนเองก็ยังไม่รู้ แต่นายกฯ ต้องถือกฎหมายทุกตัวและใช้อำนาจอย่างเหมาะสมและถูกต้อง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกว่าหากมองแบบคนเก่าๆ และมองก่อนหน้าที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เห็นว่าเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บรรยากาศสภาไทยก็เป็นแบบนี้ แต่ยังไม่กลุ้มใจ เพราะยังไม่ได้เข้าไปอยู่กับเขา
ส่วนตัดสินใจถูกหรือไม่ที่มายืนตรงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มอง 2 อย่างคือทำอย่างไรให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้สืบสานต่องานได้ซึ่งถือเป็นหลักการและเหตุผลแต่ตัวจะอยู่ไหนก็ยังไม่รู้ และตัดบทว่าหากซักถามมากเดี๋ยวตอนก็พลาดอีก
เมื่อถามว่าจะเอาอยู่หรือไม่กับการเมืองแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าอยู่ ก็ต้องเอาให้ไหว แล้วมาถามว่าจะสู้ศึกในสภาได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำไมมองสภาเป็นศึก ต้องมอง เป็นที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติและประชาชนสิ ไม่ว่าจะเป็นสภาไหนก็ต้องถือเป็นหลักการสำคัญ แต่วิธีการที่จะอภิปรายและถกเถียงกันไปมาก็ถือเป็นบทบาททางการเมือง ก็ว่ากันไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เอาอยู่ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่รู้ เพราะยังไม่เข้าไป
ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองยื่นเงื่อนไขแก้ไขรัฐธรรมนูญแลกกับการเข้าร่วมรัฐบาลนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เงื่อนไขของตนเองแต่เป็นเรื่องของรัฐบาลหน้า ที่ต้องดำเนินการต่อไปเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงก็ต้องมีการแก้ไขกฎหมายบ้าง เป็นขั้นตอนตามกฎหมายและเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรจะมาต่อรองกับตนเองได้อย่างไรดังนั้นต้องแยกแยะการจะร่วมหรือไม่ร่วมอะไรต่างๆ เพราะเราต้องการทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย รัฐบาลมีเสถียรภาพและประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอทุกคนต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง
ส่วนจะพิจารณาตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยตนเองหรือไม่ หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องพิจารณาเอง โดยให้แต่ละพรรคเสนอเข้าและไปประชุมหารือร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐมอบอำนาจให้ตนเองตัดสินใจว่าจะให้ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มาร่วมใน ครม.ชุดใหม่ด้วยหรือไม่ ส่วนตัวไม่ทราบ เหตุใดต้องยกชื่อของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องรายชื่อที่แต่ละพรรคเสนอมาว่าจะเห็นชอบร่วมกันหรือไม่