เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ ในวาระครบรอบ 12 ปี 10 เม.ย. 2553 เหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยมีนักกิจกรรมคนรุ่นใหม่ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ร่วมงาน และมีอดีตแกนนำ นปช.เข้าร่วมงานรำลึกพร้อมร่วมพิธีสงฆ์ จากนั้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) และอดีตแกนนำ นปช. ขึ้นกล่าวปราศรัยโดยระบุว่า 12 ปีที่แล้ว คนชั่วอยู่ระยะไกล ปรับองศาปืนติดลำกล้องยิงพี่น้อง อัปยศกว่าที่เราปรับองศาไมค์หลายเท่า 12 ปี ถ้าเป็นการเดินทางของเวลาชีวิตคน ก็นับเป็น 1 รอบ หมายความว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 12 ปีก่อนได้นำพาผู้คนเติบโต สูงวัย แข็งกร้าว อ่อนโรยแรง แต่ในที่สุดก็มารวมกันอยู่ตรงนี้ คนที่เหลือรอดจากการถูกไล่ยิงไล่ฆ่าจะส่งเสียงแบบเดิม ให้คนยิง คนสั่งการทั้งหลายได้รู้ว่า คนเสื้อแดงยังไม่ตาย
“หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า การจัดเวทีวันนี้ คือการตอกลิ่มความขัดแย้ง เอาเรื่องเก่ามาสร้างปัญหาใหม่ ฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่ผมยืนยันว่าไม่ใช่ นี่คือการฟื้นฝอยหาตะกวดที่ฆ่าประชาชน ยังจำคำนี้ได้ไหม ‘คนเสื้อแดง’ ยากจน ต่ำชั้น การศึกษาน้อย เป็นชาวนาชาวไร่ หาเช้ากินค่ำ จะถูกเหยียบย่ำ ถูกฆ่า คนเสื้อแดงก็ยังอยู่ ยังสู้ ไม่มีกลัวแม้แต่น้อย นี่แหละคนเสื้อแดง”
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนเองไม่เคยได้ออกมาทำกิจกรรมร่วมกับพี่น้อง โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว นิสิต นักศึกษา แต่ขอโปรดได้รับรู้เถิดว่า หัวใจคนเสื้อแดงยังแน่แท้อยู่กับการต่อสู้ ยังเคียงข้างกับคนหนุ่มสาวอยู่ตลอดเวลา คนเสื้อแดงอาจจะให้ความปลอดภัยกับลูกหลานไม่ได้ แต่คนเสื้อแดงคืออ้อมกอดที่จริงใจ ให้ลูกหลานที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
“แต่ผมบอกน้องๆ และบอกไปยังผู้มีอำนาจทั้งหลาย ที่พยายามจะเข้ามาเจรจา ผมยืนยันคำเดิม ไม่มีอะไรมายกโคนหัวใจนี้ได้ ไม่มีอะไรจะโยกโคนจุดยืนคนเสื้อแดงได้ เจ็บก็เจ็บด้วยกันไอ้น้อง ไม่มีปัญหา ผมจะทิ้งคนพวกนี้ได้อย่างไร เราสู้มาแล้วสิบกว่าปี คนเราเคยเจ็บมาก่อน เคยตายมาก่อน ทำผังใส่ชื่อพวกเรา ว่าคิดร้ายทำลายบ้านเมือง จนบางคนหลงเชื่อ ให้ออกมาฆ่าได้ แล้วก็ออกมาล้างถนน แล้วก็เดินหน้าชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อไป"
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า "คุณเคยใส่ร้ายป้ายสีประชาชนที่ใส่เสื้อสีแดง ยัดเยียดผังนั้น และข้อหาให้เรา วันนี้ก็ใส่ร้ายคนหนุ่มสาวด้วยข้อหาแบบเดียวกัน จะให้ผลักไสลูกหลานให้พวกมึงฆ่าแบบเรา เราทำไม่ได้ ต้องเชื่อมั่นในหลักการที่ถูกต้องด้วยกัน ถ้า 12 ปีที่แล้วเราถูกฆ่า ปัจจุบันนี้ลูกหลานเราจะต้องไม่ประสบชะตากรรมแบบเดียวกัน ต้องปกป้องลูกหลานเอาไว้"
"เมื่อเราเชื่อมั่นว่ายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง ว่ากำลังนำพาบ้านเมืองไปในทิศทางที่ชอบธรรม ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะถอยให้อำนาจยุติธรรม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะอยู่อีกนานแค่ไหนก็ไม่เกินหมดสมัย กลับมาอีกรอบ ก็อยู่ไม่เกินวันตาย แต่ประชาชนจะอยู่นิรันดร์กาล ตลอดไป" ณัฐวุฒิก กล่าว
ณัฐวุฒิ ระบุว่า ทางออกอย่างสันติจากความขัดแย้งนี้จึงมีทางเดียว คือ ผู้มีอำนาจต้องเห็นประชาชนเป็นพี่น้อง เห็นเยาวชนเป็นลูกหลาน แค่ลูกชาวบ้านออกมาชู 3 นิ้วก็เอาไม้ตี เอาน้ำฉีด เอาคุกขังเด็กหนุ่มสาวหลายร้อยชีวิต แต่เปิดเพลงของรุ่นลูกรุ่นหลานจะเห็นความอัศจรรย์ของคนเสื้อแดงอีกมิติหนึ่ง คนเสื้อแดงจะเต้นได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ และทุกจังหวะลีลาเพลง นี่คือมหัศจรรย์แห่งเรา
"ที่เขาเสียสละไปเมื่อเห็นหนุ่มสาวยื่นมือมาแสดงความเข้าใจ เห็นใจคนเสื้อแดง ผมเชื่อว่าการสูญเสียนั้นแม้เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่มันจะไม่สูญเปล่า คนเสื้อแดงที่หมดลมหายใจไป วันนี้ถูกยกขึ้นมาโดยคนหนุ่มสาวเป็นวีรชนอย่างแท้จริงแล้ว บนถนนราชดำเนิน” นายณัฐวุฒิระบุ
“ขอบอกไปยังผู้มีอำนาจทั้งหลายที่คิดจะยัดเยียดข้อหา โค่นล้มเด็ก คิดจะใช้ความรุนแรงถึงขั้นปราบปราม สังหารเยาวชน อย่านะ บอกก่อน แก่ๆ แบบนี้ก็จะออกมาสู้กับเด็ก เพราะถูกกระทำมาแล้ว ถ้าหากมีกิจ ประการใดที่พอจะเป็นประโยชน์ได้ ขอให้ส่งเสียงมา เห็นพลังของน้องๆ หัวใจผมก็คึกคักตั้งแต่อยู่ในเรือนจำ 12 ปีของคนเสื้อแดงเหน็บหนาว เจ็บปวด และมาอบอุ่นเอามากๆ เมื่อ 2 ปีให้หลังมานี้ ด้วยอ้อมกอดของคนรุ่นใหม่” ณัฐวุฒิกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง