ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.ราชบุรี พลังประชารัฐ แจ้งความเอาผิด อดีตรองนายกฯ ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน กรณีแกนนำราษฎรได้รับบาดเจ็บระหว่างถูกจับกุมเเละเคลื่อนย้าย - จาตุรนต์ ไม่กลัวขอให้รวมหลักฐานทั้งหมด ด้าน เพนกวิน เผยเอง "มีการใช้กำลัง"

ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่าได้แจ้งความเอาผิด 'จาตุรนต์ ฉายแสง' อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฐานความผิดดูหมิ่นและใส่ร้ายเจ้าพนักงาน กรณีการเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาแกนนำราษฎร

"เลิกงานแล้วปารีณามาดำเนินคดี กล่าวโทษ จาตุรนต์ ฉายแสง ข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ตามที่นายจาตุรนต์ได้ดูหมิ่น ใส่ร้าย เจ้าหน้าที่ ว่าได้ซ้อมนายภาณุพงศ์ จาดนอก จนสลบ และถึงแม้ว่าจะมีการแก้ไขข้อความแล้วแต่ความผิดสำเร็จ แคปไว้หมดแล้วทั้งของเก่าของใหม่ ดิ้นไม่หลุด" ปารีณา ระบุผ่านเฟซบุ๊ก 

ด้าน จาตุรนต์ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ขอให้รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน โดยเฉพาะคลิปวิดีโอเเละการให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหา ถ้าความจริงได้ปรากฏต่อกลไกในระบบยุติธรรมและสาธารณชนแล้ว อย่างน้อยก็คงจะเป็นประโยชน์ในการที่จะป้องกันไม่ให้ตำรวจกระทำการใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายอันเป็นการคุกคามประชาชนอย่างที่ได้ทำตลอดมาในช่วงหลายเดือนมานี้

เนื้อหาทั้งหมดระบุดังนี้ 

"ตำรวจแถลงว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่นำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กล่าวร้ายการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จากกรณีอายัดตัวผู้ต้องหา

ต่อมาก็มีผู้อ้างว่าจะไปร้องเรียนกล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผมในเรื่องเดียวกันนี้ 

ก็อยากจะบอกกับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ขอให้ได้รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน โดยเฉพาะบันทึกวิดีโอผู้ต้องหาที่ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือมาจากในรถ บทสัมภาษณ์ของทั้งสองคนนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในการอายัดตัวและการเคลื่อนย้ายพวกเขาไปโรงพักและล่าสุดคือคำแถลงของโรงพยาบาลพระราม 9 เกี่ยวกับอาการของผู้ต้องหาทั้งสองคน

พยานหลักฐานเหล่านี้ คือสิ่งที่จะยืนยันได้ว่าการอายัดตัวและเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาทั้งสองมีปัญหาอะไรบ้าง มีใครทำผิดกฎหมายวิธีพิจารณาอย่างไรหรือไม่ ถ้าความจริงได้ปรากฏต่อกลไกในระบบยุติธรรมและสาธารณชนแล้ว อย่างน้อยก็คงจะเป็นประโยชน์ในการที่จะป้องกันไม่ให้ตำรวจกระทำการใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายอันเป็นการคุกคามประชาชนอย่างที่ได้ทำตลอดมาในช่วงหลายเดือนมานี้

ที่ผ่านมาได้มีการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหลายครั้งหลายหน รวมทั้งไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองทั้งการตั้งข้อหาร้ายแรงเกินกว่าเหตุ การจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ ไม่แจ้งข้อหา ไม่ให้ผู้ต้องหาได้มีโอกาสพบทนายหรือญาติ นำตัวผู้ต้องหาเดินทางโดยยานพาหนะที่เสี่ยงอันตรายทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความยินยอมของผู้ต้องหา การสลายการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุม ที่ต้องใช้คำสั่งศาลและการสลายการชุมนุมด้วยการฉีดน้ำความดันสูงผสมสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อเด็กและเยาวชนที่ชุมนุมโดยสงบ 

จนมาครั้งหลังสุดก็ทำซ้ำๆ กับที่ผ่านมา และการอายัดตัวผู้ต้องหาและการเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาในครั้งนี้มีผลทำให้ผู้ต้องหาต้องบาดเจ็บถึงขั้นสลบหมดสติและมีอาการทางสมองที่แพทย์ต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด

สิ่งเหล่านี้เป็นการคุกคามประชาชนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนและอาจยั่วยุให้ผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงเพื่อเป็นเหตุข้ออ้างในการปราบประชาชนได้" 


เผย ตร.ล็อกคออย่างแรง

เพนกวิน บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 30 พ.ย. ผ่านเฟซบุ๊กว่า หลังจากออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกเครื่องแบบใช้กำลังบังคับให้ขึ้นไปบนรถด้วยทุกวิถีทาง

"พวกเขาล็อกคอเรา จับแขนจับขาลากพวกเราขึ้นรถ โดยไม่ยอมแสดงตัวว่าเป็นตำรวจด้วยซ้ำ พวกเขาไม่ยอมแสดงบัตรเพื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่แม้แต่จะเปิดเผยใบหน้าที่ซ่อนหลังหน้ากากอนามัยให้เราได้รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร 

"พี่ไมค์ถูกล็อกคออย่างแรงและมีการใช้กำลังหลายครั้งระหว่างจับตัวเราไปในรถ ซึ่งก็เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บไปพี่ไมค์สลบไปกว่าสี่สิบนาทีและยังต้องใส่เครื่องวัดคลื่นหัวใจจนถึงทุกวันนี้"