ไม่พบผลการค้นหา
สุลต่านแห่งบรูไน ทรงประกาศระงับการบังคับใช้โทษประหารชีวิตเกย์ด้วยการปาหิน ภายหลังถูกวิพากษ์วิจารณ์และคว่ำบาตรโดยนานาประเทศ โดยทรงระบุว่าแม้จะมีบทลงโทษ แต่ในทางพฤตินัยแล้วบรูไนไม่มีการประหารชีวิตจริง

เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา บรูไนประกาศบังคับใช้กฎหมายหลายข้อที่มีบทลงโทษซึ่งถูกประชาคมโลกวิพาษ์วิจารณ์อย่างมาก เช่น กฎหมายลงโทษด้วยการปาหินผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีีความผิดจากการร่วมเพศทางทวาร การข่มขืน และการคบชู้ ลงโทษการขโมยด้วยการตัดแขนขา และการโบยตีผู้ที่ยุติการตั้งครรภ์

องค์การสหประชาชาติประณามมาตรการดังกล่าวว่าโหดร้ายและผิดมนุษย์ องค์การสิทธิมนุษยชนต่างๆ ผู้มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ ร่วมกันคว่ำบาตรโรงแรมทั่วโลกที่สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ทรงเป็นเจ้าของ อย่างโรงแรมเดอะเบเวอรีฮิลส์ ในลอสแอนเจลิส, โรงแรมเดอะเบเวอรีฮิลส์ ในลอสแอนเจลิส และโรงแรมเดอะดอร์เชสเตอร์ในลอนดอน ขณะที่บริษัทท่องเที่ยวหลายแห่งก็หยุดโปรโมตบรูไนเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ (Sultan Hassanal Bolkiah) พระประมุขแห่งรัฐ ตรัสว่าทรงตระหนักดีว่ามีทั้งข้อสงสัยและการตีความกฎหมายใหม่โดยเข้าใจผิดกันมาก

"เป็นที่ประจักษ์มากว่าสองทศวรรษว่าในทางพฤตินัยแล้ว เราได้ระงับการใช้บทลงโทษประหารชีวิตสำหรับคดีตามกฎหมายจารีต หลักการนี้จะปรับใช้กับคดีต่างๆ ที่พิจารณาด้วยกฎหมายอิสลามด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้มีช่องทางมากมายในการอภัยโทษ" สุลต่านแห่งบรูไน ตรัส

บรูไนเป็นประเทศที่ใช้กฎหมายสองระบบมาตั้งแต่ปี 2014 คือกฎหมายจารีตตามอย่างอังกฤษ และกฎหมายอาญาอิสลามชารีอะฮ์ (Syariah Penal Code Order: SPCO) โดยมีแผนจะค่อยๆ เปลี่ยนมาใช้กฎหมายชารีอะฮ์อย่างเต็มตัว

ทั้งนี้ แม้ว่าบรูไนจะมีการกำหนดบทลงโทษประหารชีวิตไว้สำหรับอาชญากรรมหลายประเภท เช่น การฆาตกรรมและการค้ายา แต่ก็ไม่มีการประหารชีวิตเกิดขึ้นในบรูไนนับตั้งแต่ปี 1957

สอดคล้องกับที่เอรีวาน ยูซุฟ (Erywan Yusof) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของบรูไนได้ชี้แจงไว้ก่อนหน้านี้ว่าสาระสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์อยู่ที่การให้ความรู้และป้องกันไม่ให้คนทำผิดมากกว่าการลงโทษ

อย่างไรก็ตาม แม้จะตรัสว่าการระงับใช้โทษประหารชีวิตนั้น จะระงับไว้สำหรับทั้งโทษในกฎหมายจารีตและกฎหมายอิสลามซึ่งระบุกฎหมายปาหินเกย์ไว้นั้น สุลต่านแห่งบรูไนยังตรัสยืนยันอีกว่าผลดีของกฎหมายนี้จะเป็นที่ประจักษ์ และทรงย้ำว่าทั้งกฎหมายจารีตและกฎหมายชารีอะฮ์มุ่งที่จะส่งเสริมความสงบสุขและความสามัคคีของคนในประเทศ กฎหมายทั้งสองเป็นส่วนสำคัญในการรักษาศีลธรรมและความเหมาะสมในประเทศพอๆ กับการรักษาความเป็นส่วนตัวของปัจเจกด้วย

ที่มา: BBC/ Aljazeera

ข่าวที่เกี่ยวข้อง