นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในนามนิสิตนักศึกษาผู้ห่วงใยสังคม และนายธนวัฒน์ วงค์ไชย ประธานยุทธศาสตร์สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท. พร้อมเพื่อนนักศึกษา เดินทางมายังกองบัญชาการกองทัพบก หรือ บก.ทบ. ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เรียกร้องให้กองทัพอย่าเปิดเพลงหนักแผ่นดิน
นายพริษฐ์ ระบุว่า ตามที่ปรากฏว่าสถานีวิทยุในสังกัดกรมกิจการพลเรือนทหารบก ได้นำเพลงหนักแผ่นดินมาเปิดในรายการของทางสถานีทุกวัน วันละ 3 เวลา รวมถึงได้เปิดเพลงตามสายภายในกองทัพบก ให้กำลังพลในหน่วยทหารฟัง โดยอ้างว่ามีจุดประสงค์เพื่อเน้นย้ำให้กำลังพลรู้จักหน้าที่ และสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมืองนั้น
ในฐานะนิสิตนักศึกษาที่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ความรุนแรงในสังคมไทยเห็นว่า เพลงหนักแผ่นดินเป็นเพลงที่ไม่เหมาะสมต่อการเปิดในรายการวิทยุ และเปิดเป็นเพลงตามสายให้กำลังพลฟัง เนื่องจากเพลงหนักแผ่นดินมีเนื้อหาโจมตีผู้เห็นต่างทางการเมือง ว่าเป็นบ่อนทำลายสังคม ดูถูกเพื่อนร่วมชาติ รับใช้อิทธิพลต่างประเทศ และถูกจ้างวานด้วยทรัพย์สิน ทั้งที่การมีความคิดเห็นแตกต่างนั้น ถือเป็นเรื่องพึงมีในสังคมประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก การโจมตีผู้เห็นต่างทางการเมือง ดังเนื้อหาของเพลงหนักแผ่นดิน เป็นบ่อเกิดแห่งความเกลียดชังในสังคม
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า เพลงหนักแผ่นดินมีเป้าประสงค์ที่จะชี้ชวนให้ผู้ฟังมองผู้เห็นต่างว่าเป็นพวกหนักแผ่นดิน ดังจะเห็นได้จากชื่อเพลงและเนื้อร้องว่า “คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน” การชี้ชวนในลักษณะดังกล่าวย่อมเป็นการบั่นทอนความเป็นมนุษย์ของเพื่อนร่วมชาติ อันอาจก่อให้เกิดความรุนแรงในสังคม
อีกทั้งเพลงหนักแผ่นดินถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างบรรยากาศแห่งความเกลียดชัง และปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงในหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์สังหารหมู่นิสิตนักศึกษา เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2519 เพลงหนักแผ่นดินจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุนแรงโดยปริยาย การเปิดเพลงดังกล่าวซ้ำอีกในปัจจุบัน จึงเป็นการย้ำรอยแผลและสร้างความเจ็บปวดในสังคม
นายพริษฐ์ เห็นว่า สังคมไทยบอบช้ำมาจากการปราบปรามผู้เห็นต่างมามากมาย และไม่ต้องการให้บอบช้ำมากยิ่งไปกว่านี้อีก จึงขอให้ พล.อ.อภิรัชต์ พิจารณายกเลิกการเปิดเพลงหนักแผ่นดิน ทั้งในรายการวิทยุและในเสียงตามสายภายในหน่วยทหาร เพื่อสร้างบรรยากาศสมานฉันท์และสันติตามวิถีประชาธิปไตยในสังคมให้เกิดขึ้น
จึงหวังว่ากองทัพจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมไทยให้น่าอยู่ โดยการเน้นย้ำให้ทหารรู้หน้าที่ ซึ่งหน้าที่นั้นคือรักษาอธิปไตยของชาติ มิใช่แทรกแซงการบริหารราชการแผ่นดิน
อย่างไรก็ตาม ในการอ่านจดหมายเปิดผนึกครั้งนี้ มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากมาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ภายหลังการอ่านจดหมายเปิดผนึก และติดจดหมายฉบับดังกล่าวที่ป้ายด้านหน้ากองทัพบกแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายพริษฐ์และเพื่อนนักศึกษา ขึ้นรถควบคุมฝูงชนไปยังสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง