ไม่พบผลการค้นหา
"พล.อ.ประยุทธ์" ชี้แจง "ศรัณย์วุฒิ" ยืนยันรัฐบาลพัฒนาโรงพยาบาลประจำตำบลแล้ว ไม่ได้จงใจพาดพิงโครงการ 30 บาท ในเวที UN แต่ไม่รู้รัฐบาลชุดไหนทำเสียหายหลายหมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงหลังจากนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์พรรคเพื่อไทย อภิปรายพาดพิง โดยระบุว่า การไปพูดในการประชุมสุดยอดผู้นำสหประชาชาติ หรือ UN ไม่ได้พูดเอาความดีความชอบแล้วไปพาดพิงโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่พูดถึงโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งรัฐบาลชุดนี้ทำต่อมาจากในอดีต ไม่ทราบว่ารัฐบาลชุดใดที่ทำให้เกิดความเสียหายค้างจ่ายค่าหมอพยาบาลหลายหมื่นล้านบาท พร้อมย้ำถึงการพัฒนาโครงการโรงพยาบาลสุขภาพประจำตำบล ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วพัฒนาไปกว่า 6,500 โรงพยาบาล ขณะที่การขึ้นเงินเดือนอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.เดือนละ 10,000 บาทต่อคน ก็เป็นเรื่องที่พยายามพัฒนากันต่อไป

ส่วนการขาดแคลนของแพทย์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีการแก้ปัญหาโดยเพิ่มหมอชุมชนกว่า 1,500 ทีม รับผิดชอบประชาชนต่อ 3 หมื่นคน เพื่อพัฒนาการรักษาระบบปฐมภูมิ รวมถึงดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ โดยรัฐบาลจะดำเนินการให้มากต่อไปให้ดียิ่งขึ้น

นายศรัณย์ วุฒิศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ชี้แจงการอภิปรายเกี่ยวกับการพัฒนาโรงพยาบาลประจำตำบล ว่า การยกระดับโรงพยาบาลประจำตำบลในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำมาดีแล้ว แต่รัฐบาลในยุคที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ควรจะสร้างโรงพยาบาลประจำตำบลให้สมบูรณ์แบบ มีเครื่องมือครบมีเครื่องสแกน MRI ตรวจโรคให้ประชาชนเพื่อจะได้รักษาโรคได้ ส่วนการขึ้นเงินเดือน อสม. เป็นเดือนละ 10,000 บาท ก็จะมีการอภิปรายเกี่ยวกับการหารายได้ให้กับรัฐ เพื่อนำงบประมาณมาใช้จ่ายในส่วนนี้ได้เพิ่มขึ้นต่อไป

แจงวงเงินจัดจ้างไม่เกิน 5 แสน

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงการอภิปรายเรื่องการอนุมัติจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจง วงเงินไม่เกิน 500,000 บาท ว่า ปีที่ผ่านมามีเรื่องอุทกภัย รัฐบาลห่วงใยประชาชน จึงให้งบประมาณจังหวัดละ 200 ล้านบาท เพื่อดำเนินการป้องกันแก้ไข แต่เนื่องจากระยะเวลาในขณะนั้นเหลือประมาณ 1 เดือน การดำเนินการจึงได้ตกลงกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โครงการใดก็แล้วแต่ที่ไม่มีแผนงานอยู่ก่อน ไม่สามารถทำได้ทัน จะต้องเป็นแผนงานที่มีอยู่แล้ว จึงมีความพร้อมทำได้ทัน แต่ก็ยังมีปัญหาว่า แม้มีโครงการอยู่แล้ว การจัดซื้อจัดจ้างก็ยังทำไม่ได้ หน่วยงานทั้งหมดและประชาชนจึงร้องขอมาว่า ควรเปิดให้มีวงเงินให้มากขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วว่า จะยอมให้วงเงินจัดซื้อจัดจ้างไม่เกิน 5 แสนบาท โดยใช้วิธีเจาะจง ซึ่งดำเนินการตามกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง ยืนยันว่าตราบใดที่ตนเองยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะไม่มีการคอรัปชัน ส่วนงบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประมาณ 300,000 ล้านบาท ยืนยันว่าเป็นเงินสะสม ไม่ใช่เงินเก็บจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งการใช้จ่ายเป็นไปตามระเบียบราชการ