นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้รัฐคืนเงินชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์ จากการบอกเลิกสัญญา รวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมถึงค่าธรรมเนียมศาล ภายใน 180 วัน ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการใดๆ เนื่องจากคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ดังนั้นจึงไม่มีการให้การใดๆ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ขณะนี้ตนยังไม่เห็นรายละเอียดของคำวินิจฉัยทั้งหมด ซึ่งจะมีการดำเนินการกับผู้ที่ยกเลิกสัญญากับเอกชนหรือไม่นั้น ต้องขอเวลาศึกษารายละเอียดก่อน โดยทางกระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นเจ้าของเรื่อง จะต้องทำรายงานเรื่องดังกล่าว เพื่อส่งมาให้คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ได้รับทราบ
นายวิษณุ กล่าวว่า ในฐานะที่รับผิดชอบงานด้านกฎหมายของรัฐบาลก็จะต้องพิจารณาเรื่องนี้ต่อจากกระทรวงคมนาคม ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ซึ่งเชื่อจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ เพราะจะต้องใช้เวลาให้ศาลทำคำพิพากษา และคัดคำพิพากษาดังกล่าวมาพิจารณาด้วย ส่วนจะต้องเทียบเคียงคดีเก่าๆ หรือไม่ ยังไม่ขอให้ความเห็น เพราะจะต้องดูรายละเอียดก่อน จึงยังเร็วเกินไปที่รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลในเรื่องนี้ เพราะจะต้องรอให้ทางกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการก่อน
นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า สำหรับคดีความระหว่างรัฐกับเอกชนนั้น มีมากกว่า 30 คดี ทั้งในส่วนที่รัฐฟ้องเอกชน และเอกชนฟ้องรัฐ ซึ่งมีทั้งที่อยู่ในชั้นอนุญาโตตุลาการ ศาลยุติธรรม และศาลปกครอง ซึ่งคดีโฮปเวลล์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยแต่ละคดี จะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลอยู่ ซึ่งได้ให้ติดตามความคืบหน้ามาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาตนเองได้เน้นย้ำในที่ประชุม ครม.ให้มีการติดตามแต่ละคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบ และให้รายงาน ครม.ให้รับทราบเป็นระยะๆอยู่แล้ว ยืนยันจะไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เป็นทางเลือกในการหาทางออกในเรื่องนี้ เพราะถือว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นคำพิพากษาของศาล แต่อาจใช้เพื่อดำเนินการอย่างอื่นได้เช่นการเจรจาต่อรอง
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ส่วนการแพ้ชนะคดีมีความชัดเจนแล้ว แต่ตนยังไม่เห็นรายละเอียด ซึ่งทางออกอันดับแรกคือต้องถามจากบริษัทโฮปเวลล์ ว่ามีความต้องการอย่างไร แต่ทั้งนี้มองว่ากระบวนการหลังจากนี้ ยังจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะจะต้องรอให้ศาลมีคำวินิจฉัยตัวจริงออกมา ซึ่งอาจใช้เวลากว่า 1 เดือน หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนของการเจรจาต่อรอง และขั้นตอนการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้