ไม่พบผลการค้นหา
6 พรรคการเมืองเห็นพ้องปัญหาปากท้องต้องเร่งแก้ไขหลังการเลือกตั้ง ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทยแนะ พล.อ.ประยุทธ์ ถอยเพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ พร้อมหนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ทั้งฉบับ ตามแนวทางของพรรคอนาคตใหม่

ในงานเสวนา “ปากท้องคนไทยและเศรษฐกิจประเทศหลังการเลือกตั้ง 2562” จัดขึ้นโดยสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า ตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ต่างสะท้อนถึงปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนที่ต้องเร่งแก้ไข

อนาคตใหม่ขอปลดล็อกศักยภาพท้องถิ่น

นางสาวพรรณิการ์ วานิช ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่ เน้นย้ำแนวทางการปลดหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ การเพิ่มรายได้ การสร้างโอกาสและการกระจายงาน รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกร โดยจะมีการนำงบประมาณ 8 หมื่นล้านบาทจากการประกันราคาข้าวที่รัฐบาล คสช.ดำเนินการอยู่ไปใช้ทำเกษตรก้าวหน้า ขณะที่งบประมาณ 3 แสนล้านบาทในการจัดทำรัฐสวัสดิการนั้น ส่วนหนึ่งจะได้มาจากการตัดลดงบฯ กระทรวงกลาโหม การจัดทำหวยบนดิน

โดยพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า นโยบายต่างๆ จะเห็นผลใน 1 เทอมรัฐบาล หรือ 4 ปี โดยสิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติม คือการปลดล็อกศักยภาพของท้องถิ่น จัดตั้งธนาคารท้องถิ่นเพื่อเป็นแหล่งทุนให้กับประชาชนคล้ายกับธนาคารในประเทศญี่ปุ่น โดยการปล่อยกู้จะพิจารณาจากความต้องการของท้องถิ่นเป็นหลัก ซึ่งนอกจากแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแล้ว ยังปลดล็อกศักยภาพของท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้สิ่งที่ต้องทำทันทีหากได้เป็นรัฐบาล คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ เพื่อให้อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

ภูมิใจไทย ปักหมุดแก้หนี้กยศ.-เปิดเสรีกัญชา

นายศุภชัย ใจสมุทร ตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ปัญหาปากท้องเกิดขึ้นกับประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร อันเป็นผลมาจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่มีปัญหา พรรคภูมิใจไทยจึงเตรียมเสนอพระราชบัญญัติแบ่งปันผลประโยชน์ หรือ profit sharing มาใช้แก้ไขปัญหา พร้อมกับการเน้นย้ำการแก้กฎหมายให้ grab taxi เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย

และหากได้เป็นรัฐบาลนโยบายเร่งด่วนที่จะทำทันที คือการแก้หนี้ กยศ.และการให้ประชาชนทุกครัวเรือน ปลูกกัญชาได้ครัวเรือนละ 6 ต้น โดยผู้ปลูกสามารถใช้ประโยชน์และจำหน่ายได้ ซึ่งจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่สร้างรายได้ต่อปีประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท สามารถเก็บธรรมเนียมภาษีได้ 3 แสนล้านบาทต่อปี เกิดการจ้างงานประมาณ 5 แสนคน ขณะที่รัฐบาลปัจจุบันกำลังผูกขาดการปลูกและการค้ากัญชา 

'เสรีรวมไทย' แนะ 'ประยุทธ์' ถอยเพื่อประเทศ

นายวิรัตน์ วรศสิริน ตัวแทนจากพรรคเสรีรวมไทย แนะนำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ยอมและถอยออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะที่ผ่านมาภาพรวมของเศรษฐกิจไทยรวยกระจุก จนกระจาย อันเป็นผลมาจากการบริหารงานของรัฐที่ผิดพลาด ยกตัวอย่างการให้เอกชนเช่าศูนย์ประชุมฯสิริกิติ์ 50 ปี เพียง 5 พันล้านบาท โครงการหอชมเมืองที่ทำให้เจ้าของโครงการมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมหาศาลเพียงชั่วข้ามคืนหลังการประกาศโครงการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เป็นการสร้างความไม่เป็นธรรม รัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนผูกขาด

ขณะที่พรรคเสรีรวมไทยมีนโยบายเกี่ยวกับกัญชา โดยไม่ใช่การให้ปลูกหรือเสพอย่างเสรี แต่ให้มี 1 ตำบล 1 สหกรณ์ไร่กัญชา พร้อมกับการปฏิรูปภาษี เพื่อให้ภาษีที่ทุกคนจ่ายนั้นได้รับการจัดสรรและกลับมาเป็นบำนาญให้กับประชาชน

ปชป. วอนรัฐเบรก สัญญา duty free

นายกรณ์ จาติกวณิช ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ข้อดีของระบอบประชาธิปไตย คือการบังคับให้รัฐบาลรับฟังเสียงของประชาชน การออกนโยบายจึงเป็นการตอบโจทย์ประชาชน ไม่ได้ตอบโจทย์เพียงกลุ่มทุนบางกลุ่ม นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ทุกนโยบายจะเริ่มต้นด้วยการแก้จน โดยเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานมีรายได้ขั้นต่ำที่ต้องอยู่ได้ โดยนำการประกันรายได้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมาใช้ พร้อมกับการขยายมายังผู้ใช้แรงงาน ด้วยการเติมให้เต็มด้วยการประกันรายได้

นอกจากนี้ยังต้องปรับปรุงระบบราชการ และทัศนคติของรัฐที่ต้องเปลี่ยนมาใช้นวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน รวมถึงการแก้ปัญหาการผูกขาดและการคอรัปชั่นที่เป็นตัวบั่นทอนการพัฒนาประเทศ พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องขอให้รัฐบาลอย่าเร่งรีบในการต่อสัญญา duty free

เพื่อไทย ชูธงแก้ปากท้อง-กระจายอำนาจ

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแก้ปัญหาปากท้องได้ คือเศรษฐกิจต้องดีและต้องมีการกระจายรายได้ โดยเศรษฐกิจจะดีได้ไม่ใช่เพียงภาครัฐดำเนินการเท่านั้น ทุกภาคส่วนในสังคมที่มีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะต้องทำหน้าที่ของตนเองด้วย ขณะเดียวกันต้องปลดล็อกพันธนาการที่เป็นโซ่ตรวนฉุดรั้งการแก้ปัญหา ทั้งนี้สนับสนุนให้มีธนาคารเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการมีอาวุธครบมือในการดำเนินธุรกิจและแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นที่ใหญ่กว่าได้

พลังประชารัฐ สานต่อนโยบายรัฐบาลประยุทธ์

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่าปัญหาปากท้องเป็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ทำให้เศรษฐกิจด้านบนเท่านั้นที่เดินไปได้ แต่ด้านล่างกลับเกิดปัญหา

ขณะที่หนี้นอกระบบกำลังเป็นปลิงดูดเลือดกัดกร่อนคนไทย และปัญหาแท้จริงไม่ใช่ทุนผูกขาด แต่เป็นเพราะชาวบ้านด้านล่างอ่อนแอ โดยการส่งข้าราชการไปเป็นผู้แนะนำนั้นไม่ได้ทำให้ประชาชนรวยขึ้น ประเทศไทยจึงกำลังป่วยเป็นโรคตานขโมย เพราะพัฒนาแล้วไม่สร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน พรรคพลังประชารัฐจึงเน้นการสร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ฐานราก

นายกอบศักดิ์ ย้ำว่า หากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลจะมีทั้งการสานต่องานที่ประชาชนชื่นชอบ การแก้ไขงานที่ประชาชนยังไม่พอใจ และการเพิ่มเติมงานที่ประชาชนเรียกร้อง โดยงานที่จะต้องสานต่อคือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บ้านล้านหลัง การอุดหนุนชาวนา ไม้มีค่า และการขจัดอุปสรรคทางกฎหมาย