นายนิยม เวชกามา อดีต ส.ส. สกลนคร พรรคเพื่อไทย และนางมนพร เจริญศรี อดีต ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2562 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และคณะเดินทางไปปราศรัยหาเสียงแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งที่จังหวัดสกลนครและจังหวัดนครพนม
ทั้งสองคนเล่าว่าในระหว่างการแนะนำตัวผู้สมัคร ปรากฎว่านายสมชอบ นิติพจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ได้ให้ความช่วยเหลือและมีท่าทีสนับสนุนพรรค พปชร. โดยการชูมือว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคกลางเวทีหาเสียง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้ใช้อำนาจตาม ม.44 สั่งให้นายสมชอบกลับเข้ารับหน้าที่นายก อบจ. อีกครั้ง หลังจากถูกพักงานด้วยข้อกล่าวหาว่าทุจริตต่อหน้าที่ ทำให้มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ตามหลังมาว่า หากมีคำสั่งให้กลับมาเป็นนายก อบจ. ต้องเข้ามาช่วย พปชร. หาเสียงตามภาพทั้งนายก อบจ. สกลนคร และนายก อบจ. นครพนม ได้ร่วมชูมือผู้สมัครรับเลือกตั้ง พปชร. ทั้งบนเวทีและข้างล่างเวที นอกจากนั้นในระหว่างที่เครื่องเสียงเวที จ. นครพนม ขัดข้อง เพราะไฟดับ นายสมชอบ ได้นำเครื่องเสียงของตนเองซึ่งติดตั้งอยู่บนรถหาเสียง มีชื่อนายสมชอบ ติดอยู่ข้างรถชัดเจน เข้าไปช่วยเป็นเครื่องเสียงสำรองด้วย
นายนิยมและนางมนพร เห็นว่าการกระทำของนายก อบจ. สกลนคร และนายก อบจ. นครพนม ดังกล่าว เป็นการกระทำที่เปิดเผยโจ่งแจ้งกลางที่สาธารณะ นับว่าเป็นการหาญกล้าท้าทาย กกต. ว่าจะบังคับใช้กฎหมายได้หรือไม่
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายไพจิต ศรีวรขาน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ และนายยุทธจักร เรืองวรบูรณ์ อดีต ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง ได้ให้ข้อสังเกตว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งที่หนักหน่วงทึ่สุดในชีวิต เพราะรัฐบาลแอบแฝงตั้งพรรคการเมืองของตนเองไว้รอรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะสืบทอดอำนาจ และก่อนหน้านั้นช่วงปีใหม่ ก็มีการเรียก อสม. ทุกอำเภอประชุมโดยอ้างว่า ซักซ้อมดูแลประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่กลับนำผู้สมัคร พปชร. มาแนะนำ