ไม่พบผลการค้นหา
ฝ่ายค้านล็อก 'ประยุทธ์' พ่วง 5 รมต.เปิดซักฟอกกลางสภาฯ เน้นชำแหละแก้โควิด-19 ล้มเหลว เผยยื่นญัตติไวต้องการสร้างอาฟเตอร์ช็อก เปิดข้อกล่าวหาดุ 'ประยุทธ์' ค้าความตายกับวัคซีน โอหังคลั่งอำนาจ ภาวะผู้นำโง่เป็นภัยร้ายแรง ชี้ 'อนุทิน'ใช้เวลา 4 เดือนทำคนไทยติดเชื้อเกือบ 9 แสนราย ไร้ความสามารถป้องกันโควิด

วันที่ 16 ส.ค. 2564 ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยส มพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยหัวหน้าพรรคและตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ วิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เข้ายื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร 

โดย สมพงษ์ กล่าวว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ร่วมกันพิจารณา เห็นถึงความบกพร่องของรัฐบาลทั้งการบริหารวัคซีน แก้ไขปัญหาโควิด-19 ไปจนถึงการแก้ไขสถานการณ์เศรษฐกิจที่ล้มเหลว จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พร้อมขอให้ประธานบรรจุเป็นวาระด่วนเพื่อพิจารณาในการประชุมสภาต่อไป 

สำหรับการอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลครั้งนี้มีทั้งสิ้น 6 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

ฝ่ายค้าน สมพงษ์ ก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อไทย 4C-9414-D6362BE2E3AD.jpeg

เน้นพุ่งเป้าโควิด ตัดชื่อ 'ประวิตร' ทิ้ง เชื่อซักฟอกเกิดการเปลี่ยนแปลง

สมพงษ์ ระบุว่า เหตุผลที่ไม่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯนั้น ที่ประชุมฝ่ายค้านก็การคุยเรื่องนี้เหมือนกัน แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าจะตั้งเป้าปัญหาโควิด-19 และเศรษฐกิจ เป็นหลัก ดังนั้นการจะอภิปรายใครก็ตาม จะต้องตรวจสอบว่า จะสามารถชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบว่างานของรัฐมนตรีดังกล่าวเป็นอย่างไรได้หรือไม่ และการทำงานของฝ่ายค้านต้องทำงานเป็นคณะ ซึ่งก็มีการประชุมกันมาหลายครั้งก่อนที่จะได้ข้อสรุปออกมา ซึ่งได้เน้นไปยังบุคคลที่รับผิดชอบเรื่องนั้นๆเป็นหลัก

โดยครั้งนี้เชื่อว่า ข้อมูลที่จะอภิปรายนั้น มีความมั่นใจว่าหลักฐานครบถ้วน ที่จะสามารถยื่นเอาผิดต่อได้ในภายหลังจากนี้ แต่การที่จะเอาชนะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้นั้น ต้องฝากไปยัง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ที่เมื่อรับฟังข้อมูล แล้วมีความคิดความอ่าน ก็ให้คิดถึงประชาชนเป็นหลัก เพราะจะส่งผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน 

เมื่อถามถึงเหตุผลที่ไม่มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์แม้มีรายงานว่าพรรคก้าวไกลได้เสนอชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส เข้าที่ประชุมด้วย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบว่ากระบวนการเลือกรัฐมนตรีก็เหมือนกัน แต่ละพรรคจะมีรายชื่อรัฐมนตรีที่ไม่ไว้วางใจเป็นของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามฝ่ายค้านก็ต้องประชุมร่วมกัน ก่อนจะพิจารณารายชื่อที่จะยื่นญัตติออกมา โดยโฟกัสไปที่ รัฐมนตรีทั้ง 6 คนที่ได้กล่าวไปแล้วเท่านั้น

ขณะเดียวกัน พิธา ยังระบุว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นครั้งที่3 ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยกระบวนการเหมือนกับการอภิปรายทุกครั้ง ทุกพรรคมีความต้องการในอภิปรายเเละเสนอรัฐมนตรีที่ไม่ไว้วางใจของตนเอง เเต่ในที่สุดเเล้วเราต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน และมีมติว่าเราจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีเเละรัฐมนตรีทั้งหมด 6 คนสำคัญ มีความจำเป็นจะต้องพูดคุยกัน เพื่อรักษาบรรยากาศการทำงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน

พิธา ฝ่ายค้าน สมพงษ์ ก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ

ชี้'ประยุทธ์' หมดความชอบธรรมใช้เวทีซักฟอกสร้างอาฟเตอร์ช็อก

พิธา กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงนี้ ซึ่งเร็วกว่าตามกรอบเวลาปกติว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านตั้งใจที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงนี้ เพื่อที่จะใช้กลไกสภาแก้ไขวิกฤติเเละลดความขัดเเย้ง โดยมีความจำเป็นที่ต้องถอดสลัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อที่จะให้ประเทศสามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ ตนมีความเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แตกต่างจากครั้งก่อนๆพอสมควร ในครั้งนี้ความเดือดร้อนเเละความลำบากของพี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง มันมีความกว้างขวางวิกฤตของพี่น้องประชาชน พรรคก้าวไกลได้ประกาศออกไปว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเร็วขึ้นกว่าปกติ โดยพี่น้องประชาชนให้ความสนใจเเละมีส่วนร่วมซึ่งพี่น้องประชาชนส่งข้อมูล ส่งภาพเเละเนื้อหามาประกอบการอภิปรายให้ตนเเละพรรคก้าวไกลอย่างไม่ขาดสาย

พิธาระบุว่า ขณะนี้บรรยากาศนอกสภาเเละในสภาตรงกัน ความชอบธรรมในการบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เเทบจะไม่เหลือเเล้วนอกสภา เราต้องการใช้กลไกลในสภาตอนนี้เพื่อให้เกิดเเรงสั่นสะเทือนและอาฟเตอร์ช็อกต่อไป

สำหรับประเด็นว่า มีความขัดเเย้งภายในพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ พิธา กล่าวว่า ประชาชนต้องมาก่อน เราต้องการใช้กลไกในรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน แน่นอนว่าในอดีตแต่ละพรรคมีความเห็นของตนเอง มีความเเตกต่างกันบ้าง เเต่เรามีวุฒิภาวะพอที่จะวางความแตกต่างนั้นลงเเละร่วมมือกันทำอย่างเต็มที่ที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ 

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

'มงคลกิตติ์' จี้ 'ประยุทธ์' รีบลาออก เตือนพรรคร่วมไว้วางใจเตรียมปิดพรรคได้

ด้าน มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รีบลาออกจากตำแหน่ง โดยหากยังฝืนอยู่ ตนมองว่าอาจมีเหตุการไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้หลังจากนี้ พร้อมระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน เพราะสถานการณ์ในประเทศขณะนี้อยู่ในขั้นวิกฤต

มงคลกิตติ์ ยังระบุถึงพรรคร่วมรัฐบาล ว่าหากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ยังยกมือโหวตผ่านให้ พล.อ.ประยุทธ์อีก ก็อยากให้ทุกพรรคร่วมรัฐบาลไปปิดพรรคได้เลย เพราะหากถึงวันเลือกตั้ง จะไม่มีประชาชนเลือกอีกเลย

ด้านชวน กล่าวว่าเมื่อมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำไปตัวสอบระเบียบข้อบังคับต่างๆไม่เกินเจ็ดวัน ก่อนที่จะแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบเพื่อหารือกับคณะรัฐมนตรีว่าจะอภิปรายในช่วงใดต่อไป 

ฝ่ายค้าน ชวน สมพงษ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจสมพงษ์ ประเสริฐ อภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อไทย BD2DAFB009.jpeg

สำหรับมีพฤติการณ์ของรัฐมนตรีที่ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ นั้น

  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรมจริยธรรมและไร้ความสามารถที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำประเทศ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ทั้งในภาวะปกติและในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2563 จนถึงปัจจุบันกว่า 19เดือนเศษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รวมศูนย์อำนาจ รวบอำนาจและมีอำนาจตามกฎหมายแบบเบ็ดเสร็จทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้กำกับการปฏิบัติงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประธานกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ผอ.ศบค. ประธานศูนย์บริหารสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ (ศบศ.) และ ผอ.ศบค.กทม. 

อีกทั้งยังได้รวบอำนาจตามกฎหมายต่างๆ ถึง 40 ฉบับ ที่เป็นอำนาจของรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลมาไว้กับตนเอง ต้องไม่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ เปิดเผยข้อมูลความจริง และสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และทุกภาคส่วนในการเตรียมมาตรการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการแพร่ระบาดของโรคอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพสูงสุด และบริการประชาชนโดยทั่วถึง แต่กลับปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและไม่สุจริต มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และข้อสั่งการของตนในลักษณะ “กลืนน้ำลายตัวเอง” ปล่อยปละละเลยต่อมาตรการป้องกันควบคุม การระบาดของโรคในหลายเรื่องจนมีการแพร่ระบาดของโรคจากกลุ่มก้อนเล็กๆ กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอย่างรวดเร็วจนยากที่จะควบคุม จากการกลายพันธุ์ของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสายพันธุ์ขึ้นจากเดิม กระทั่งปัจจุบันการแพร่ระบาดดังกล่าวเข้าไปสู่ชุมชนและครัวเรือน ส่งผลให้เพียงระยะเวลา 4 เดือนเศษ มีผู้ติดเชื้อเกือบเก้าแสนคน และเสียชีวิตกว่าเจ็ดพันคน 

ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดที่สถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอที่จะรับรักษาผู้ป่วย “ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว” เกินขีดความสามารถในการบริการประชาชน ต้องปล่อยให้ผู้ป่วยรักษาตัวเองที่บ้าน บางรายทนไม่ไหวต้องตายกลางถนน ตายในรถ หรือตายคาบ้านตนเอง ตายยกครอบครัว สร้างความหดหู่ใจแก่ผู้พบเห็นและพี่น้องประชาชนอย่างยิ่ง ถึงกับมีคำกล่าวว่า “ประเทศไทยเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” คนไทยตกอยู่ในสภาพสุขภาพกายเสื่อม สุขภาพจิตทรุด ขณะที่มาตรการในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ รู้ดีว่าการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีหน้าที่และอำนาจในการจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามหลักจริยธรรมและหลักวิชาการเพื่อฉีดให้กับประชาชนโดยทั่วถึงและรวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ “ประชาชนทุกคนที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนต้องได้ฉีด” รวมถึงวัคซีนทางเลือกอีกหลายประเภทที่ประชาชนต้องการ แต่ที่ปรากฏคือความล่าช้า เลื่อนลอย ไม่แน่นอนว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนทางเลือกหรือไม่   การตรวจหาเชื้อก็ทำได้ในปริมาณน้อย มีมาตรการไม่แน่นอน เครื่องมือในการตรวจหาเชื้อไม่เพียงพอ ไม่ทันกับการแพร่ระบาดของโรคที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากทุกวัน การจัดหาเครื่องมือเป็นไปโดยทุจริต    

ส่วนมาตรการควบคุมโรคก็ไร้ทิศทาง ผิดเป้าหมาย และแผนงาน และไร้ประสิทธิภาพ ประชาชนและภาคธุรกิจได้รับผลกระทบและความเสียหายจากมาตรการของรัฐ อาทิ การล็อคดาวน์ การสั่งปิดสถานประกอบการ โดยขาดการศึกษาวิเคราะห์ที่ดีพอ อันนำมาสู่ความเสียหายจนทำให้ภาคธุรกิจต้องเลิกกิจการจำนวนมาก การดำรงชีวิตของประชาชนเป็นไปอย่างยากลำบาก เกิดภาวะตกงาน ต้องกลับไปต่อสู้ดิ้นรนยังภูมิลำเนาบ้านเกิด มาตรการที่กำหนดขึ้นทั้งจากการปิดเมือง ปิดโรงงาน กำหนดข้อห้ามต่างๆ ออกข้อกำหนดครั้งแล้วครั้งเล่า กลับไม่สามารถหยุดยั้งหรือลดการแพร่ระบาดของโรคได้จนส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ขณะที่การกู้เงินของรัฐบาลจำนวนมากแต่กลับนำมาใช้จ่ายอย่างไร้ทิศทาง ไม่ลำดับความสำคัญของการใช้เงินงบประมาณที่หมดไปกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รู้ดีว่า “ประเทศตกอยู่ในสงครามของโรคระบาดไม่ใช่สงครามของการสู้รบ” ใช้จ่ายงบประมาณและเงินกู้  โดยไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง สร้างภาระหนี้สาธารณะจนชนเพดานหนี้สาธารณะตามกฎหมาย และหนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติการณ์ ธุรกิจ SME ต้องล้มเลิกกิจการจำนวนมาก ร้านค้าหลายประเภทต้องปิดกิจการ คนตกงาน และมาตรการที่ออกมาไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และภาคธุรกิจได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ 

ท่ามกลางวิกฤติการณ์ดังกล่าวกลับพบว่า พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่สุจริต มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริตต่อหน้าที่ในหลายเรื่อง ทั้งการจัดหาวัคซีนที่มีพฤติการณ์ปิดบังอำพราง ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ไม่ทั่วถึง เลือกปฏิบัติและไม่มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งแอบอ้างว่ามีวัคซีนของบริษัทในพระปรมาภิไธยเพื่อมาฉีดให้กับประชาชน เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบัน มีผลทำให้ยุทธศาสตร์การจัดหาวัคซีนผิดพลาด  มาตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์ของบรรดานักการเมือง พวกพ้อง และข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างกว้างขวาง ในหลายเรื่อง ทั้งการทุจริตเกี่ยวกับการจัดหาและจองวัคซีนล่วงหน้า การซื้อวัคซีนก็หลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อเปิดประตูให้มีการทุจริต และยังมีการทุจริตในการกระจายวัคซีนโดยเลือกปฏิบัติ รวมถึงการทุจริตในเรื่องอื่นๆ ไม่สร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมทั้งที่เอกชนและโรงพยาบาลเอกชนประสงค์จะช่วยจัดหาและจัดซื้อวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชน           

ชวน  พิธา อภิปรายไม่ไว้วางใจ


ชี้ 'ประยุทธ์' ค้าความตายกับวัคซีน หวังกำไรจากวัคซีนร่วมกับ 'อนุทิน'

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับดำเนินการโดยล่าช้า ขาดความจริงใจ พฤติการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีลักษณะ “ค้าความตาย” โดยเห็นวัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะ เหิมเกริม คิดการใหญ่โตในการสร้างกำไรจากวัคซีนร่วมกับอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยหวังการกอบโกยผลประโยชน์บนซากศพและคราบน้ำตาของพี่น้องประชาชน เพิกเฉยละเลยทำให้ประชาชนสูญเสียโอกาสที่จะได้รับวัคซีนที่หลากหลายและทั่วถึง ภายใต้โครงการ Covax จนกระทั่งสถาบันวัคซีนแห่งชาติต้องออกมาขอโทษประชาชน เมื่อประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ก็ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือข่มขู่เอาผิดกับประชาชนและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และประชาชน 

พล.อ.ประยุทธ์ยังลุแก่อำนาจสั่งการให้มีการใช้กำลังปราบปรามประชาชนที่ออกมาชุมนุมอย่างรุนแรงเกินสมควรกว่าเหตุตลอดมา ตามนิสัยความถนัดของตนเอง จนกล่าวได้ว่าประเทศกำลังขับเคลื่อนไปด้วยความคับแค้นเกลียดชัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลยังปล่อยปละละเลยให้รัฐมนตรีหลายคนกระทำการทุจริตต่อหน้าที่และจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ละเว้นไม่ติดตามผลข้อสั่งการว่าได้รับการปฏิบัติหรือไม่ 

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเห็นชอบและปล่อยปละละเลยให้มีการเสนอและใช้จ่ายงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีสถานการณ์ การสู้รบใดๆ การบริหารราชการแผ่นดินและการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงทำให้ประชาชนทุกข์ยากเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เศรษฐกิจของประเทศดิ่งเหว ทำให้ประเทศไทยถึงจุดที่เรียกว่าตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์และกลายเป็นประเทศที่ไม่ปลอดภัยในสายตาชาวโลก การพลิกฟื้นและการลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถกระทำได้ 

เปรียบโรคโอหังคลั่งอำนาจ-ชี้ผู้นำโง่เป็นภัยร้ายแรง

การที่ประชาชนต้องติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก และต้องทนทุกข์ทรมานจากพิษภัยของโรคโควิด-19 เช่นนี้ เป็นผลโดยตรงจากความไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ความไม่รอบคอบระมัดระวัง ไม่สนใจต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนและประโยชน์ของประเทศชาติ การแสวงหาประโยชน์บนความเดือดร้อนของประชาชน โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ และพวกพ้องไม่ยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยส่วนรวมเป็นที่ตั้ง “ใจดำ” ทรยศต่อความไว้วางใจ ของประชาชน ไม่เห็นใจในความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน และจากความโอหังและการเสพติดในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในสภาพของคนเป็นโรค “โอหังคลั่งอำนาจ” (Hubris Syndrome) ไม่อยู่ในภาวะที่จะเป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป 

ดังนั้น หากปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทำให้ประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตมากยิ่งขึ้นจนไม่สามารถที่จะหาสถานที่ฌาปนกิจได้ทันและเพียงพอ   และไม่มีหนทางที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ประชาชนจะต้องทนทุกข์ทรมาน ทั้งจากโรคและการดำรงชีวิต บ้านเมืองจะไร้ซึ่งความสงบสุขร่มเย็น อันจะนำมาซึ่งความหายนะ ของประเทศชาติอย่างแท้จริงตามที่มีการกล่าวกันว่า “ผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด” เพราะคนโง่ คือภัยอันตรายร้ายแรงเมื่อได้กลายเป็นผู้มีอำนาจ 

ซัด'อนุทิน'เย้ยโควิดโรคกระจอก ปล่อยให้เชื้อแพร่ระบาดหนัก จัดหาวัคซีนช้า

  • อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ขาดซึ่งองค์ความรู้ ไร้ซึ่งภูมิปัญญาและความสามารถในการกำกับดูแลงานด้านสาธารณสุขของประเทศ มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ฉ้อฉล หลอกลวงประชาชน ส่งผลให้การบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุขล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะการรับมือกับโรคอุบัติใหม่ดังเช่นโรคโควิด-19 ที่เป็นวิกฤตของชาติอยู่ในปัจจุบัน โดยอนุทิน ชาญวีรกูล ขาดสติปัญญา ประเมินความรุนแรงและผลกระทบของโรคนี้ผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยเห็นว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาเป็นและหายได้เอง ประเมินว่าเป็นโรคกระจอก จึงปล่อยปละละเลยในการเตรียมความพร้อม ด้านสาธารณสุขและมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโดยเฉพาะวัคซีน จนทำให้การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว กว้างขวาง และรุนแรง ประชาชนขาดโอกาสที่จะได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานในปริมาณที่เพียงพอ โดยการจัดหาวัคซีนเป็นไปอย่างล่าช้า และได้วัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันโรค มุ่งเน้นแต่จะจัดหาวัคซีนลึกลับแต่ด้อยคุณภาพ วัคซีน สายสัมพันธ์ 

ขณะที่การตรวจหาผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็เป็นไปอย่างล่าช้าไม่ทันต่อการระบาดของโรค และยังมีพฤติการณ์ในการแสวงหาประโยชน์ในการจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีนและการจัดซื้ออุปกรณ์ ตรวจโรค พูดเท็จโอ้อวดต่อประชาชนว่าเราจะมีวัคซีนเต็มสองแขนเหลือเฟือ การจัดหาวัคซีนโดยรวม มีความผิดพลาดบกพร่องในทางยุทธศาสตร์อย่างร้ายแรง จากพฤติการณ์ในการบริหารจัดการของ อนุทิน ชาญวีรกุล ทำให้เพียงระยะเวลา 4 เดือนเศษ มีผู้ติดเชื้อเกือบเก้าแสนคน และเสียชีวิตกว่าเจ็ดพันคน และมีแนวโน้มที่จะมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น จนขณะนี้ไม่มีสถานพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอในการรักษาผู้ป่วย ต้องปล่อยให้ผู้ป่วยรักษาตัวเองที่บ้านและทยอยเสียชีวิตลงไป จนสถานพยาบาลบางแห่งต้องออกหลักเกณฑ์ว่าจะเลือกให้ผู้ป่วยคนใดอยู่หรือตาย 

ผู้ป่วยบางรายทนไม่ไหวก็นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนนหรือในบ้านตนเอง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นว่าระบบสาธารณสุขของประเทศล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เป็นโศกนาฏกรรมของสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นเลยหากได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่มีความรู้ความสามารถ มองปัญหารู้และแก้ปัญหาเป็น แต่อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกำกับดูแลทั้งกรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กลับไร้ความรู้ความสามารถที่จะทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยุติลงได้

ดังนั้น หากปล่อยให้อนุทิน ชาญวีรกูล ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต่อไปจะทำให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ชีวิตของพี่น้องประชาชนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ขณะที่ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจะมีเพิ่มมากขึ้น  จนอาจกล่าวได้ว่าไม่มีสถานที่เพียงพอที่จะทำพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตได้

1 ฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ 4F23BAF8-CE63-4540-B431-CDAA2C48B27B.jpeg2 ฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ F14A703D-945E-417C-B6ED-529046CB5575.jpeg3 ฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ 0A8F5252-C13D-4BD1-A687-0AA1A76AB813.jpeg4 ฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ 491E6A1E-77BF-407E-94ED-3BA0B72042D0.jpeg5 ฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ 7F30DDA0-ADDA-44F5-874D-4C6AB787C1DB.jpegฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ 1415B095-CA4B-4BB8-AE00-E0674C73BDE8.jpeg