จากกรณีคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมพวกอนุมัติและดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” วงเงิน 240 ล้านบาท โดยมิชอบ รวมถึงกรณี ชี้มูลความผิดกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี โดยมิชอบเมื่อปี 2554 ซึ่งทั้งสองกรณีใช้เวลาเพียง 22 วัน
ล่าสุดนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มีความเห็นต่อการทำงานของ ป.ป.ช.ในฐานะที่เป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจทั้ง 2 คดี ว่า ตนไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนว่า ป.ป.ช.ชุดนี้มีความกระตือรือร้น ขยันมากเป็นพิเศษ ไม่ถึงเดือนชี้มูลผู้ถูกกล่าวหาคนเดียวกันถึง 2 เรื่อง ทั้งที่ยังมีคดีค้างในการพิจารณาอีกมาก
สำหรับกรณีคดีนายกยิ่งลักษณ์ ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลทั้ง 2 คดี ติดต่อกันนั้น เริ่มต้นจากเรื่องแรก วันที่ 1 ก.ค. 2563 ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีใช้อำนาจโอนย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบ ทั้งที่กระบวนการและขั้นตอนตามกฎหมายเป็นอำนาจคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ไม่ใช่อำนาจนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่จะใช้อำนาจได้ตามลำพัง นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเคยเป็น กรรมการศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. นั่งประชุมหารือรับรู้การใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมทางการเมืองของประชาชน เมื่อปี พ.ศ. 2553
จนมีประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตจำนวนมากมาแล้ว เป็นรัฐบาลไหนตนก็เชื่อว่าหากไม่ใช่รัฐบาลเดิมแล้วก็ย่อมพิจารณาว่านายถวิล สมควรจะอยู่ในตำแหน่งทำหน้าที่ เลขา สมช.ต่อไปหรือไม่
นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนมีโอกาสซักค้านนายถวิล ในชั้นพิจารณาคดีของศาลอยู่หลายวัน ยังเกิดความไม่ไว้วางใจนายถวิล และเชื่อว่าหากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ย้ายนายถวิลท่ามกลางความเคลือบแคลงและความขัดแย้งทางการเมืองในเวลานั้น ก็ไม่อาจทราบได้ว่ารัฐบาลจะทำงานได้หรือไม่
การไต่สวน ป.ป.ช.ได้คำนึงถึงการกระทำทางการบริหารของรัฐบาลหรือไม่ ตนจึงสงสัยในข้อนี้ รวมทั้งหลังรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์พ้นหน้าที่แล้ว รัฐบาลต่อมาก็มีการโยกย้าย เลขาฯ สมช. กันทั้งนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่าภายหลังยึดอำนาจเมื่อ 22 พ.ค. 57 นายถวิล ได้รับการปูนบำเหน็จจากรัฐบาลต่อมาหลายตำแหน่ง จนกระทั่งได้เป็น ส.ว.ในปัจจุบันนี้
ชี้คดี Road show เอื้อประโยชน์ชาติ ไม่ควรเป็นคดีเสียด้วยซ้ำ
นายวิญญัติ กล่าวว่า สำหรับคดี Road show โครงการรถไฟความเร็วสูง การเบิกจ่ายเงินและจัดจ้างตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย และรัฐบาลต่อมาก็ได้ตรวจสอบการจัดโครงการ Road show ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และยังเป็นผู้อนุมัติจ่ายเงินค่าจ้างในการจัดจ้างดังกล่าวแล้วด้วย ตนก็ได้อ้างพยานบุคคลและพยานเอกสารหลายรายการ แต่ ป.ป.ช.ไม่เรียกพยานบุคคลสอบแม้แต่รายเดียว ตนเห็นว่า คดีนี้ ป.ป.ช.ไม่ควรตั้งเรื่องไต่สวนให้เป็นคดีเสียด้วยซ้ำ เพราะโครงการที่จัดทำนี้ เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ ทั้งเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลในขณะนั้น
หากไม่มีอุปสรรคใดๆ เชื่อว่าคนในประเทศนี้คงได้นั่งรถไฟความเร็วสูงไปแล้ว ตนจึงมีความสงสัยเหตุผลที่แท้จริงของ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดในครั้งนี้ หากมีโอกาสและถึงเวลาอันเหมาะสม ตนคงจะตรวจสอบการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.และอนุกรรมการไต่สวนบ้าง และหากพิจารณาขอสังเกตของตน เชื่อมั่นว่าสังคมน่าจะเกิดข้อสงสัยต่อกระบวนการอาจดูไม่ปกติ เพราะไม่ถึงเดือน ป.ป.ช.มีมติชี้มูลถึง 2 คดีเช่นนี้ มีวาระพิเศษหรือไม่
อ่านเพิ่มเติม