นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงข้อเสนอของนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ให้แก้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำโดยใช้มาตรา 270 โดยพิจารณากฎหมายที่ประชุมร่วมรัฐสภา ให้สมาชิกวุฒิสภาหรือ ส.ว. มีอำนาจโหวตกฎหมายร่วมกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส ให้สามารถทำได้เฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปเท่านั้น ดังนั้นการใช้มาตรา 270 จึงไม่ใช่ทางออกการแก้ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำได้ทั้งหมดและไม่มีมาตราใดแก้ได้ นอกจากเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก เพราะกฎหมายบางฉบับต้องพิจารณาแยกกันระหว่าง ส.ว. และ ส.ส.
ส่วนปัญหาที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสูตรคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะทันกรอบเวลา 9 พ.ค. หรือไม่ นายวิษณุ เชื่อว่าทัน แต่หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณา จะเป็นอำนาจของ กกต.ที่จะตัดสินใจว่าจะใช้สูตรใด และหากไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาของ กกต. ก็สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้
พร้อมกันนี้ปฏิเสธตอบคำถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดทางตันทา��การเมืองหรือไม่ โดยนายวิษณุ ระบุว่า เมื่อถึงเวลาแล้วจะบอกทางออกเอง และขณะนี้อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้ารับเรื่องไว้พิจารณา แต่จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกับแนะนำ กกต. ควรจะยื่นเรื่องสอบถามเรื่องกรอบเวลาที่กกต.กำหนดรับรองผล ภายในวันที่ 9 พ.ค. เพราะยึดหลักว่าต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน นับตั้งแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธ.ค. ทำให้กำหนดกรอบเวลาตรงกับวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งนักกฎหมายอีกฝั่งรวมถึงตนได้แย้งว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดกรอบว่าต้องให้ประกาศผลรับรองการเลือกตั้งภายใน 150 วัน แต่กำหนดให้จัดการเลือกตั้งภายใน 150 วัน และเมื่อจัดการเลือกตั้งแล้วเสร็จให้ประกาศผลภายใน 60 วัน จึงทำให้กรอบ 150 วันถูกตัดทิ้งไป ดังนั้นการรับรองผลภายใน 60 วันหลังจากการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. จะตรงกับวันที่ 23 พ.ค. ไม่ใช่ 9 พ.ค. ตามที่ กกต.กำหนด จึงทำให้เกิดปัญหาและความไม่เข้าใจ
ขณะเดียวกันนายวิษณุ ยืนยันว่า กกต.สามารถพิจารณาใบแดง ใบเหลืองได้ ในช่วงรอความชัดเจนสูตรคำนวณคะแนน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ