แอนเดอร์สัน ผู้ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของสวีเดน ได้ประกาศเมื่อวันพุธ (14 ก.ย.) ว่าเธอจะลาออกหลังจากแนวร่วมพรรคฝ่ายขวามีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสวีเดน
จากข้อมูลของคณะกรรมการเลือกตั้งของสวีเดน แนวร่วมพรรคฝ่ายขวา 4 พรรค ได้แก่ พรรคฝ่ายกลาง พรรคประชาธิปไตยสวีเดน พรรคประชาธิปไตยคริสเตียน และพรรคเสรีนิยม มีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งเหนือพรรคฝ่ายซ้ายกลางที่ 176 ที่นั่ง ต่อ 173 ที่นั่งในสภา
ระหว่างการแถลงข่าว แอนเดอร์สันชี้ว่า แม้ยังมีการนับคะแนนโหวตอยู่ แต่ก็ชัดเจนมากแล้วว่าพรรคฝ่ายขวาจะชนะเสียงข้างมากในสภา “ดังนั้นพรุ่งนี้ (15 ก.ย.) ฉันจะไปยื่นใบลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”
“พวกเขามีที่นั่งในสภามากกว่าเรา 1-2 ที่นั่ง” แอนเดอร์สันกล่าว “พวกเขาชนะเพียงเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเสียงข้างมากอยู่ดี”
อูลฟ์ คริสเตอร์สัน หัวหน้าพรรคฝ่ายกลางถูกเสนอชื่อโดยแนวร่วม 4 พรรคเพื่อขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป “ผมจะเริ่มต้นจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่สามารถทำงานได้ เป็นรัฐบาลสำหรับสวีเดนทั้งประเทศและประชาชนสวีเดนทุกคน” คริสเตอร์สันกล่าว
จิมมี เอเคอสัน หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยสวีเดนกล่าวว่า พรรคของเขาจะเป็น “แรงขับที่ทรงพลังและสร้างสรรค์ในการสร้างความปลอดภัยในสวีเดนอีกครั้ง” เอเคอสันกล่าวว่า “ถึงเวลาแล้วที่สวีเดนจะต้องมาก่อน”
การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองสวีเดนในประเด็นเรื่องผู้อพยพ เนื่องจากพรรคที่มีแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมการกำหนดนโยบายของรัฐบาลได้ คือ พรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคที่มีรากฐานอยู่บนแนวคิดที่เชื่อในความสูงส่งกว่าของคนผิวขาว โดยการที่พรรคเสรีประชาธิปไตยมีอิทธิพลอย่างมากในสภา ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสวีเดน เนื่องจากที่ผ่านมา การเมืองสวีเดนเป็นการเมืองแบบเอนซ้ายมาโดยตลอด
นอกจากนี้ พรรคประชาธิปไตยสวีเดนซึ่งสนับสนุนนโยบายต่อต้านผู้อพยพ มีฐานการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น จาก 5% ของผู้ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ มาสู่ 20 % ในปัจจุบัน
ในแถลงการณ์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แอนเดอร์สันยอมรับว่า ที่ผ่านมาสวีเดนล้มเหลวในกระบวนการทำให้ผู้อพยพเป็นส่วนหนึ่งในสังคม โดยแอนเดอร์สันกล่าวว่า เธอเข้าใจว่าชาวสวีเดนจำนวนมากมีความกังวล เมื่อพรรคการเมืองที่เชื่อในความเป็นใหญ่ของคนผิวขาวกลายมาเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ “ฉันเห็นความกังวลของพวกคุณ และฉันก็มีความกังวลนั้นเช่นกัน” แอนเดอร์สันกล่าว
ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปไตยสวีเดนถูกชาวสวีเดนหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด เนื่องจากที่มาของพรรคมีความเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มนีโอนาซี (Neo-Nazi) อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปไตยสวีเดนได้เคลื่อนที่เข้าสู่การเมืองกระแสหลัก ด้วยการละทิ้งนโยบายที่สุดโต่งบางส่วน รวมถึงได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเนื่องจากจุดยืนของพรรคที่หนักแน่นในเรื่องอาชญากรรมและผู้อพยพ ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของเหตุกราดยิงในสวีเดน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคริสเตอร์สันชนะการเลือกตั้งโดยมีเสียงข้างมากในสภาที่มากกว่าฝ่ายค้านเพียงไม่กี่เสียง เขาจะเจอความท้าทายหลายประการในสภาในอนาคต
สวีเดนในปัจจุบันกำลังอยู่ในวิกฤตค่าครองชีพ และอาจเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า นอกจากนี้สงครามในยูเครนทำให้ภูมิภาคบอลติก ซึ่งเปรียบเสมือนหลังบ้านของสวีเดนสูญเสียความมั่นคง และยังมีความท้าทายจากตุรกี ที่กำลังพิจารณาการสมัครเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ของสวีเดนอยู่
นอกจากนี้ สวีเดนยังคงต้องถกเถียงเกี่ยวกับมาตรการ ในการแก้ไขปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและนโยบายพลังงานระยะยาว ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงต้องอุดช่องโหว่ในระบบสวัสดิการของรัฐที่ถูกเผยให้เห็นในวิกฤตโรคระบาดอีกด้วย
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งยังคงอยู่ระหว่างการนับคะแนนและจะถูกประกาศประมาณสุดสัปดาห์นี้
ที่มา: