วันที่ 27 มี.ค. อานนท์ นำภา ทนายความ และ แกนนำราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กถึงข้อถกเถียงในโลกออนไลน์ที่ว่า "แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่" โดยยกตัวอย่าง "แพทองธาร" และ "เศรษฐา" ที่ไม่ได้ลงเลือกตั้งในระบบปาร์ตี้ลิสต์ รวมถึงนิยามของคำว่า "นายกคนนอก" โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

อยู่ 1 ใน 3 รายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอ และพรรคนั้นได้เกิน 25 เสียง ก็มีคุณสมบัติเป็นนายกแล้วครับ และไม่เรียกนายกคนนอกด้วย 

นายกคนนอก คือ นายกที่แม่งมาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้อยู่ในแคนดิเดตที่พรรคการเมืองเสนอแต่แรก หรือจะเรียกอีกอย่างว่าอยู่นอกระบบบัญชีที่เสนอตอนแรก นั่นคือนายกคนนอก 

เดิม รัฐธรรมนูญฉบับก่อนไม่ได้ออกแบบให้มีแคนดิเดตนายก 3 ชื่อที่พรรคการเมืองเสนอ เราจึงถือว่า นายกต้องมาจาก ส.ส. คือคนที่ประชาชนเลือก(ยึดโยงกับประชาชน) แต่พอรัฐธรรมนูญปัจจุบันให้เสนอชื่อนายกพรรคละไม่เกิน 3 ชื่อ 3 ชื่อนี้จึงมีสิทธิได้รับโหวดเป็นนายกตามรัฐธรรมนูญครัังแรก คือ ใช้เสียงเกินครึ่งของรัฐสภา

ถ้านายกมาจาก 1 ใน 3 ของรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอก่อนเลือกตั้ง และภายหลังพรรคนั้นได้รับการเลือกตั้งเกิน 25 คน 3 รายชื่อนั้นแม้ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ไม่เรียกว่านายกคนนอกในความหมายที่เราต่อต้านครับ 

ผมว่าคนที่เชียร์ก้าวไกลไม่ต้องไปเสียเวลาไปโจมตีเพื่อไทยเรื่องที่ไม่ส่งคุณอุ๊งอิ๊งค์กับคุณเศรษฐาลง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อหรอก