เวลา 20.15 น.วันที่ 2 ต.ค. ที่ตลาดนัดเลียบด่วน - รามอินทรา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ ปั้นทอง นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.กทม. นายประพนธ์ เนตรรังษี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย จัดเฟซบุ๊กไลฟ์เป็นครั้งแรกในรายการ #คุยกันหน่อย ทุกวันพุธ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมคณะได้สนทนากับผู้ประกอบการภายในตลาดนัดเลียบด่วน-รามอินทรา ทั้งนี้ผู้ประกอบการรายหนึ่งสะท้อนปัญหาถึงการเศรษฐกิจที่ซบเซา จนทำให้ยอดขายของร้านตกต่ำลง แม้จะเปิดร้านบุฟเฟต์ราคาเพียงคนละ 199 บาทก็ตาม โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ให้กำลังใจผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า เศรษฐกิจไทยเน่าที่รากหญ้าตั้งแต่รัฐประหารมา 5 ปี เพราะราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ผู้นำบอกไปขายดาวอังคารไม่ได้ช่วยราคาพืชผลเกษตรดีขึ้น ทำให้กำลังซื้อของประชาชนและเกษตรกรหดหายโดยเฉพาะต้องเจอภัยน้ำท่วมและภัยแล้ง
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า ตั้งแต่รัฐประหาร มีการกู้เงินเพื่อชดเชยงบประมาณ โดยตั้งงบประมาณแบบขาดดุล ปกติตั้งงบฯ ขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ 5 ปีที่่ผ่านมา เราตั้งงบประมาณขาดดุลเป็นหนี้ไปแล้ว 2.2 ล้านล้านบาท ทั้งที่ควรกระตุุ้นให้เศรษฐกิจโตได้ แต่เศรษฐกิจกลับซบเซา เพราะไม่ได้ลงไปรากหญ้าทำให้รากจึงเน่า โดยเฉพาะแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องรูดบัตรผ่านร้านค้าสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรดทำให้กลับไปสู่บริษัทใหญ่ ไม่สามารถซื้อของข้างบ้านได้ โดยเงินไม่ได้หมุนอยู่ในชุมชน ทำให้เงินอยู่ข้างบน การอัดเงินผ่านสวัสดิการแห่งรัฐไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เมื่อรากเน่าก็ทำให้เอสเอ็มอีตาย โดยทุกที่จะแย่หมดรวมถึงโรงงานต่างๆ โดยต้นเกือบจะเน่าถึงยอดแล้ว
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า 5 ปีที่ผ่านมา การจัดเก็บงบประมาณของภาครัฐ ต่ำกว่าเป้าทุกปี แสดงให้เห็นว่ารายได้ไม่พอรายจ่าย อีกทั้งยังไม่มีเงินจ่ายภาษี การเก็บภาษีไม่เข้าเป้าต้องกู้เงิน 2 ล้านล้านบาททุกปี ขณะเดียวกัน การท่องเที่ยวของประเทศก็ชะลอตัวมาก โดยรายได้ดีขึ้นเพียงร้อยละ 0.38 ไม่ถึงร้อยละ 1 ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนหดลง รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นต่ำสุดในรอบ 33 เดือน โดยต่ำตั้งแต่การเลือกตั้งเป็นต้นมา
แนะภาวะเศรษฐกิจแย่ต้องกระตุ้นเครื่องยนต์ก่อนดับ ต้องหาอาชีพสำรอง
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า ขณะนี้เศรษฐกิจที่เงียบเหงาจะต้องเตรียมตัวอย่างไร ต่อจากนี้ต้องเผชิญการลดกำลังการผลิต ส่วนที่มีประชาชนแสดงความเห็นผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์เข้ามาว่าไม่มีโอทีแล้ว จากนี้จะมีคนว่างงาน ตกงานเยอะขึ้น โดยขณะนี้ตัวเลขคนว่างงานเพิ่มขึ้น 54,000 คนถ้าเทียบจากปีที่แล้ว และจะต้องตกงานมากขึ้นจากกำลังซื้อรวมทั้งพิษเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้าโลก ทำให้การส่งออกหด กำลังซื้อหด โรงงานปิดตัว คนตกงานเพิ่ม การตกงานไม่มีรายได้ ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยคดียาเสพติด 1 ปีที่ผ่านมามีจำนวน 3.5 แสนคดี มีมูลค่าของกลางมากกว่า 60,000 ล้านบาท เป็นมูลค่าที่จับได้ในระบบ
"สิ่งที่เราจะสื่อสาร พี่น้องคะ เศรษฐกิจที่แย่แบบนี้เครื่องยนต์การกระตุ้นเศรษฐกิจดับ กำลังซื้อดับ ส่งออกดับ การท่องเที่ยวชะลอตัว การลงทุนใหม่ไม่มี เหลือตัวสุดท้ายการใช้จ่ายภาครัฐ เราจะต้องปรับตัว เราต้องขวนขวายหาอาชีพอิสระ สำรองของเราเอง หรือจะค้าขายแบบตั้งร้านหรือผ่านออนไลน์"
อัดงบฯ ไปงอกที่มหาดไทย - กลาโหม พ่วงถลุงซื้อรถเกราะ 2 พันกว่าล้าน
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า งบประมาณแผ่นดินมีการใช้งบกลางเพื่อจัดซื้อรถเกราะสไตรเกอร์ ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งนี้สงครามจะรบด้วยอาวุธตอนนี้ไม่มีแล้ว เพราะสงครามที่เกิดขึ้นตอนนี้คือสงครามการค้า เราต้องรองรับสงครามการค้าด้วยการใส่งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนไทยแข็งแรง วันนี้ขอวิพากษ์งบประมาณเบื้องต้นที่เพิ่มขึ้นมา 2 แสนล้านบาท รัฐบาลต้องนำไปใช้หนี้คงคลัง 2 หมื่นกว่าล้านบาท เพิ่มงบกลางอีก 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งตรงนี้ถ้าช่วยในเรื่องปรับเปลี่ยนจากการใช้สารเคมีเป็นเกษตรอินทรีย์หรือเครื่องมือต่างๆ หรือช่วยภัยแล้งก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปีที่แล้วใช้งบจัดซื้อรถเกราะสไตรเกอร์ 2 พันกว่าล้าน ปีนี้น่าจะไม่มีอีก งบฯไปงอกที่กลาโหม กระทรวงมหาไทย เมื่อรวมทุกรายการแล้วก็ เท่ากับ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือ 1.4 แสนล้านบาท ไม่ได้เป็นการเพิ่มงบฯให้ก่อให้เกิดรายได้หรือแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
"เมื่อเหลือแต่งบประมาณภาครัฐที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 แสนล้านบาท โดย 70 เปอร์เซ็นต์จัดไปอยู่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ใหม่ จะปล่อยให้ประชาชนมีปัญหาเศรษฐกิจปากท้องต่อไปหรือคะ ดังนั้นฝ่ายค้านจะสะท้อนปัญหาในสภาฯ โดยจะจัดสรรงบประมาณลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ ช่วยคนจน ช่วยคนรากหญ้า ช่วยเอสเอ็มอีให้ได้ ถ้าจัดสรรงบฯแบบนี้ ความหวังการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปีหน้าแทบเป็นศูนย์"
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากการจัดสรรงบฯ ไม่ก่อให้เกิดเศรษฐกิจใหม่ ฝ่ายค้านไม่ได้โจมตี แต่เป็นเรื่องของการช่วยคิด ถ้าจัดงบฯ แบบนี้เศรษฐกิจไม่มีทางดีขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง