วันที่ 29 ก.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม .ตอบคำถามสื่อมวลชนประจำทำเนียบรััฐบาลถึงการหารือร่วมกับ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยหารือกับคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ หารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และประเทศรอบบ้านในทุกมิติ ว่าจะสามารถเดินหน้าไปได้อย่างไรหรือจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะขณะนี้มีขีดความสามารถในการส่งออกได้มากขึ้นในหลายกิจกรรม จึงจะต้องหารือว่าจะทำอย่างไรให้ตลาดในเข้มแข็งขึ้น
ทว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆทั้งในเรื่องของการนำเข้าและส่งออก โดยการหารือที่ผ่านมามีทั้งสำนักงบฯ และสภาพัฒน์เข้าร่วมการประชุมด้วย แล้วรู้สึกเห็นใจประชาชนหรือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ จึงได้สอบถามว่ายังมีงบประมาณเพียงพออยู่หรือไม่ ซึ่งสำนักงบฯ ก็ยืนยันว่ายังมีงบประมาณเพียงพออยู่ ซึ่งก็ได้มีการใช้งบประมาณก้อนแรกไปแล้วเหลือประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนงบประมาณงวดใหม่ 5,000 ล้านบาท ที่ขออนุมัติกู้มายังไม่ได้ใช้อะไร จึงสั่งการให้เตรียมมาตรการให้พร้อม ทั้งมาตรการเดิมที่มีอยู่หรือมาตรการใหม่ ซึ่งอาจจะต้องมีการครอบคลุมลงไปในบางกิจการหรือบางกลุ่มเป็นพิเศษเพื่อให้ทั่วถึง
นอกจากนี้ ยังมีการติดตามความคืบหน้าของมาตรการโครงการ 'ภูเก็ตแซนด์บ็อก'ซึ่งขณะนี้มีผลค่อนข้างดี ในเรื่องของการท่องเที่ยว และพื้นที่อื่นๆที่มีการเปิดด้วยเช่นกัน ซึ่งสถานการณ์ก็ยังคงดีอยู่ และต้องหารือว่าจะทำอย่างไรให้สามารถขยายไปยังพื้นที่อื่นได้ แต่ประเด็นสำคัญคือต้องมีการเดินหน้าฉีดวัคซีน ในแต่ละพื้นที่ รวมไปถึงมีมาตรการรองรับในการตรวจสอบคัดกรอง ซึ่งค่อนข้างที่จะเข้มงวดในมาตรการดังกล่าว และจากการตรวจสอบผลการติดเชื้อก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่อยู่ในกำหนด โดยจะพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ง่ายกว่านี้อีก เพื่อให้เป็นการอำนวยความสะดวก แต่อย่างไรก็ตามต้องคำนึงถึงความปลอดภัยทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา
นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการหารือถึงความต้องการวัคซีน ทั้งในส่วนภาคธุรกิจนักธุรกิจเจ้าของโรงงาน หรือแม้กระทั่งแรงงานต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้มีการอนุมัติโครงการไปแล้วอย่างโครงการ ม. 33 เรารักกัน รวมไปถึง ม. 39 และ ม. 40 ซึ่งผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ก็สามารถขึ้นทะเบียนได้ โดยขณะนี้ยังเหลือเวลาอีก 3 วัน โดยหลายคนก็ยังไม่เข้าใจ สิ่งที่ตนนั้นเป็นห่วง คือจะทำอย่างไรไม่ให้ภาคการผลิตเสียหาย หลายโรงงานเองก็จำเป็นต้องปิดเนื่องจากมีการแพร่ระบาด หลายโรงงานก็ร่วมมือการจัดคล้ายๆกับโรงพยาบาลสนามภายในโรงงาน ส่วนโรงงานที่ไม่สามารถจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามได้ก็ต้องไปดูว่าจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อจะนำเข้าสู่ระบบการรักษาต่อไป ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียอมรับว่าการประชุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีรายละเอียดค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นการประชุมเตรียมความพร้อมล่วงหน้า รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาปัจจุบันไปพร้อมกัน
ถามว่ารัฐบาลยังเดินหน้าต่อและนายกฯ ไม่คิดถอดใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่ายังไม่ใช่เวลา วันนี้ทำงานหนักทุกวันหลายคนก็บอกว่าทำงานหนักแล้วไม่เห็นได้งานก็ขอไปหาให้เจอว่ามีงานอะไรที่ออกมาแล้วบ้าง ซึ่งคิดว่าตนก็พยายามทำอย่างที่สุดแล้ว ด้วยการฟังเสียงประชาชน พร้อมติดตามสถานการณ์จากคณะแพทย์ และสาธารณสุข วันนี้เห็นใจคนเหล่านี้สอบถามบางคนทำงานติดต่อกัน 60 วันไม่ได้พักเป็นปีแล้ว วันนี้ตนเห็นใจและให้ไปดูแลค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้ตามระเบียบราชการโดยเบิกให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ โดยต้องขอบคุณทั้งอาสาสมัคร จิตอาสา แพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และทุกคนที่เกี่ยวข้อง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุว่า วันนี้การเมืองก็ขอร้องแล้วกัน ถือว่าท่านเป็นผู้แทนประชาชนมาจากประชาชนท่านก็ต้องมีหลักการคิดหลักการวิเคราะห์บางเรื่อง มันก็ไม่ใช่ทางการเมืองที่จะมาสร้างความเกลียดชังกันโดยใช่เหตุ เพราะประเทศชาติกำลังมีปัญหาต้องเข้าใจตรงกันตรงนี้ เรื่องของทางการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นอย่าใช้โอกาสตรงนี้มาทำให้ทุกอย่างมีปัญหาก็แล้วกัน
ส่วนมีอะไรที่รู้สึกอึดอัดหรืออยากสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเห็นใจ เสียใจและตนต้องพยายามแก้ปัญหาอุปสรรคที่มีมากมาย นายกฯยินดีจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในตรงนี้และต้องเป็นความร่วมมือระหว่างกันด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงอะไรต่างๆ ที่ตรงกัน ถึงจะแก้ปัญหาได้ นายกฯทำงานไม่เคยทิ้งสักงานไม่ใช่เรื่อง โควิดอย่างเดียว แต่โควิดเป็นเรื่องหลักที่ประชาชนเดือดร้อน นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆ นายกฯต้องทำทุกเรื่องและไม่เคยท้อเพียง แต่เสียใจกับคนที่สูญเสียและให้กำลังใจกับคนที่ทำงานอย่าท้อแท้ และเราต้องทำด้วยกันเพราะเราคือคนไทยด้วยกัน
ทั้งนี้ อยากย้ำให้ทุกฝ่ายช่วยกันสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆ โดยมีการแถลงทุกวันทั้งในส่วนศบค. สำนักงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีหรือข้อมูลจากแพทย์ ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แต่มีบางคนที่บิดเบือนทำให้ทุกอย่างไขว้เขวไปทั้งหมด จึงต้องขอร้องเพียงแค่นั้น อะไรที่ได้รับข้อมูลหรือรู้มาแล้วคิดเอง วิเคราะห์เอง พูดเองหรือวิจารณ์เอง สิ่งเหล่านี้อันตรายเพราะทำให้ระบบดูเหมือนไม่ดี ดังนั้นต้องฟังความทั้งสองข้าง
เมื่อถามถึงกรณีมีนักการเมืองโพสต์ข้อความว่าไทยติดเชื้ออันดับ 1 ของโลก ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จไม่เป็นความจริง มองว่าเป็นการฉกฉวยช่วงวิกฤตให้เกิดความปั่นป่วนจะฝากเตือนอย่างไร พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ได้แต่เตือนว่าต้องระมัดระวัง ซึ่งหากเราไม่ฟังก็ไม่ได้แต่ฟังแล้วเชื่อทุกอย่างก็ไม่ถูก ดังนั้นหากได้รับข้อมูลที่ถูกแชร์ต่อมาขอให้เช็คก่อน เพราะวันนี้ก็มีการรายงานทุกวันอยู่แล้ว สถิติการติดเชื้อทั้งโลกประเทศใดอยู่ในระดับต้นๆ
ขณะที่เราเองเมื่อวันนี้เพิ่มขึ้นมาก็ต้องยอมรับ ซึ่งพูดถึงสถิติคนติดเชื้อคนตายต่างๆเราก็ไม่ได้มากไปกว่าหลายประเทศ สิ่งเหล่านี้เราต้องคิดวิเคราะห์มีข้อมูลรับฟังทางราชการแล้วคิดว่าใช่หรือไม่ใช่ ไม่เช่นนั้นฟังอีกทางที่ไม่ว่าจะหวังดีไม่หวังดี เจตนาหรือไม่เจตนาก็แล้วแต่ แล้วคิดเองบางทีก็ทำให้การรับรู้ผิดไป กลายเป็นเหมือนระบบเราล้มเหลว ถ้าระบบเราล้มเหลวคงเป็นมากกว่านี้ สิ่งเหล่านี้ต้องฝากไว้ด้วย
ส่วนการแนวทางในการขยายล็อกดาวน์และการยกระดับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น ว่า ทั้งหมดต้องปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของ แพทย์ สาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายๆหน่วยงาน และมีการประชุมร่วมกันของ ศบค. ชุดเล็กทุกวัน และคณะทำงานของกระทรวงสาธารณสุขที่จะเสนอมาตรการมายัง ศบค.ชุดเล็ก การอนุมัติต่างๆต้องนำเข้า ศบค.ชุดใหญ่ ทั้งหมดจะทำอย่างรวดเร็ว ไม่มีช้า เพราะมีการประชุมทุกวัน แต่หากวันไหนมีเรื่องเร่งด่วนตนก็จะอนุมัติในฐานะที่เป็น ผอ.ศบค. แต่ก็อยากให้ผ่านการพิจารณาจาก ศบค.ชุดใหญ่ทุกอย่างเพื่อให้เข้าใจตรงกัน ให้ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานช่วยกันในตรงนี้ ไม่ใช่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง
ส่วนจะมีมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ทางทีมแพทย์ และ สาธารณสุขก็ยังคงเห็นชอบในมาตรการเดิมอยู่ ส่วนการที่ตัวเลขไม่ลดลง ก็ด้วยหลายประการด้วยกัน ถ้าเราสามารถปฎิบัติตามมาตรการที่ประกาศไปแล้วทุกคน ทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง มันก็อาจจะมีข้อบกพร่อง มีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่สิ่งสำคัญคือความร่วมมือในการปฎิบัติมาตรการดังกล่าว ที่มีการห้ามตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ก็อย่าทำเลย ถ้ายังมีการทำอยู่ ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก การแพร่ระบาดก็จะมากขึ้น การเดินทาง การไปมั่วสุม ซึ่งวันนี้ก็ยังมีหลายกรณีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นต้นตอของการระบาด
ซึ่งถ้าพิจารณาการแพร่ระบาดของเราก็มองดูแล้วว่าน่าตกใจ การเสียชีวิตในแต่ละวัน ก็อยากให้สนใจดูตัวเลขต่างๆของเพื่อนบ้านในต่างประเทศบ้าง คือวันนี้ทุกประเทศในโลกได้รับผลกระทบทั้งสิ้น มากบ้างน้อยบ้าง ระดับต้นๆก็มีอยู่หลายประเทศ มากกว่าเราหลายเท่า ของไทยเราก็ตั้งใจว่าไม่อยากให้มีการเสียชีวิต ถ้าสมมติทำตามมาตรการที่กำหนดออกไปครบทุกอย่าง อย่างน้อยก็ป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อมาจากข้างนอก ไม่นำเชื้อไปแพร่ให้คนในครอบครัว หรือไม่คนที่ออกไปนอกบ้านต้องได้การฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน
แม้กระทั่งตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลกลุ่มม็อบ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว แต่ปรากฎว่ายังติดเชื้อ เพราะบอกแล้วว่าการฉีดวัคซีนไม่ใช่ไม่ติดเชื้อ คือถ้าไปใกล้ชิดกับคนมีเชื้อมันมีปัญหาแน่นอน และนำไปติดคนที่บ้าน บางทีหลายบ้านมีคนออกไปทำงานและนำเชื้อกลับมาติดที่บ้าน ดังนั้นมาตรการในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ตนคิดว่าพื้นที่ที่มีการระบาดสูงจำเป็นต้องใช้
ขออภัยสายด่วนติดขัด โยน กสทช.ดูแล-หากติดเชื้อติดต่อ รพ.สนาม
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิดและยังรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ว่า ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อภายในครอบครัว ที่ได้มีการขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนต่างๆ แต่อาจจะติดขัดอยู่บ้าง ต้องขออภัย ซึ่งขณะนี้ดีขึ้นแล้ว และตนได้ปลดล็อกเปิดช่องทางให้มากยิ่งขึ้น ทั้งการให้บริการฟรีด้านสาธารณสุข โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ช่วยดูแลผู้ให้บริการเครือข่ายต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนที่รักษาตัวที่บ้านให้ความร่วมมือประชาชนในการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ หากมีการเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทางการแพทย์ตรวจและรักษาเชิงรุก ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนมีความเสี่ยง และต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร อย่าง การขนย้ายผู้เสียชีวิต การนำตัวผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษา ซึ่งขณะนี้ก็ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หากทุกคนรออยู่ที่บ้านหรือโทรสายด่วนอาจจะไม่ทันเวลา ก็ขอให้ไปที่สถานที่แรกรับ ติดต่อโรงพยาบาลสนาม หรือที่ทำการเขตใกล้บ้าน ก็ต้องดูแลซึ่งกันและกันโดยเฉพาะในหมู่บ้านจัดสรร แต่ในชุมชนนั้นไม่มีปัญหา
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ว่าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน แต่ทุกคนต้องช่วยกัน ขอให้แจ้งให้เร็ว หากหน่วยแพทย์ยังไม่มา ก็ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ทหาร หรือแจ้งโรงพัก อย่างน้อยก็จะมีตำรวจในพื้นที่มาดูแล พร้อมชี้แจงว่าประชาชนสามารถขอความช่วยเหลือหน่วยงานราชการได้ทุกที่ ซึ่งที่ผ่านทหารตำรวจก็ได้ปรับพื้นที่ส่วนราชการเป็นโรงพยาบาลสนาม พร้อมสั่งการให้ทหารทุกหน่วยดูแลประชาชน รวมถึงข้าราชการพลเรือนตำรวจทหารเพราะเราคือพึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ซึ่งอาจจะมีคนไม่ดีอยู่บ้างก็ขอให้แจ้งมาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ในการตอบคำถามสื่อมวลชน ครั้งนี้สำนักโฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้รวมรวมคำถามจากสื่อมวลชน ที่มีข้อสงสัยเพื่อนำไปซักถามต่อนายกรัฐมนตรี โดยมี นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ เป็นตัวแทนถามคำถามเนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด สื่อมวลชนไม่ได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบรัฐบาล ประกอบกับนายกรัฐมนตรีได้ประกาศทำงานที่บ้าน 100% ไปก่อนหน้านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง