ไม่พบผลการค้นหา
คิมโยจอง’ น้องสาวของ ‘คิมจองอึน’ ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือเผยว่า การประชุมสุดยอดครั้งใหม่ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือมีแต่จะเป็นประโยชน์กับฝ่ายสหรัฐฯ พร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือไม่มีเจตนาคุกคาม 'มะกัน'

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานความเห็นของ ‘คิมโยจอง’ น้องสาวและผู้ช่วยคนสนิทของ ‘คิมจองอึน’ ที่ระบุว่าการประชุมสุดยอดครั้งใหม่ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ แต่ “สิ่งที่สร้างความประหลาดใจยังคงเกิดขึ้นได้” ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้นำสูงสุดของทั้ง 2 ฝ่าย โดยเกาหลีเหนือต้องการย้ำให้ชัดเจนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าการลดอาวุธนิวเคลียร์เป็นไปไม่ได้ แต่หมายความว่ายังเป็นไปไม่ได้ในเวลานี้ พร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือไม่ได้มีเจตนาที่จะเป็นภัยคุกคามกับสหรัฐฯ ทุกอย่างจะเดินหน้าไปอย่างราบรื่นหากสหรัฐฯ ไม่ยุ่งกับเกาหลีเหนือและไม่กระทำการยั่วยุ

ความเห็นของคิมโยจองมีขึ้นหลังเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ‘ไมค์ ปอมเปโอ’ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าเขามีความหวังเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับการฟื้นการเจรจาลดอาวุธนิวเคลียร์ และดูเหมือนจะเปิดทางให้เห็นความเป็นไปได้ของการประชุมสุดยอดครั้งใหม่ระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ขณะที่ ‘สตีเฟน บีกัน’ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ เกี่ยวกับกิจการเกาหลีเหนือก็เพิ่งเสร็จสิ้นการเยือนกรุงโซลเป็นเวลา 3 วัน โดยบีกันได้ปัดข้อสันนิษฐานที่ว่าเขาพยายามหาทางพบเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือระหว่างการเยือนกรุงโซล แต่ยืนยันว่าสหรัฐฯ เปิดกว้างสำหรับการพูดคุย  

ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือมีเพิ่งมีแถลงการณ์หลายครั้งปฏิเสธแนวคิดจัดการเจรจาครั้งใหม่ แต่แถลงการณ์ล่าสุดของน้องสาวผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือถูกมองว่ามีท่าทีอ่อนลงกว่าที่ผ่านมา โดยคิมโยจองยังเผยว่าเธอได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษให้รับชมเทปบันทึกภาพการเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา รวมถึงยังได้รับคำสั่งจากพี่ชายของตัวเองให้ส่งต่อคำอวยพรไปยังประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ให้ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม คิมโยจองระบุว่า ถึงแม้ว่าผู้นำทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ที่ดี แต่สหรัฐฯ ก็จะกลับมาดำเนินท่าทีเป็นปฏิปักษ์และเกาหลีเหนือจำเป็นต้องกำหนดนโยบายของตัวเองในการเตรียมพร้อมสำหรับผู้นำคนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากทรัมป์ ซึ่งถ้อยแถลงนี้ของคิมโยจองถูกมองเป็นการสะท้อนว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังรอดูสถานการณ์ว่าทรัมป์จะยังคงสามารถรักษาตำแหน่งประธานาธิบดีเอาไว้ได้หรือไม่หลังการเลือกตั้งในเดือนพ.ย. นี้ 

ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ ตึงเครียดหนักเมื่อช่วงปี 2560 โดยทรัมป์และคิมต่างใช้ถ้อยคำข่มขู่โจมตีกันไปมา ขณะที่เกาหลีเหนือก็เดินหน้าโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของตัวเอง ก่อนที่ความตึงเครียดจะบรรเทาลงในช่วงต้นปี 2561 โดยจนถึงตอนนี้ทรัมป์และคิมเคยพบกันมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถหาจุดประนีประนอมได้ในเรื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือและมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติ  

อ้างอิง Reuters / Kyodo News