รายงานขององค์กรสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ภายในปี 2027 ประชากรใน 'อินเดีย' จะมีมากกว่าประชากรใน 'จีน' และในปี 2050 จะทิ้งห่างจำนวนประชากรจีน โดยในปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและคาดว่าในปี 2027 ประชากรจีนจะลดลง 2.2 เปอร์เซ็นต์หรือประมาณ 31.4 ล้านคน และในปี 2050 ประชากรจีนอาจลดลงเหลือ 1,100 ล้านคน ขณะที่อินเดียประชากรจะเพิ่มขึ้นถึง 1,500 ล้านคน

ปัจจุบันประเทศจีนกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วประเทศหนึ่งของโลก โดยอัตราการเกิดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้นลดต่ำลงตามลำดับ ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2100 ประชากรจีนจะลดลงถึง 375 ล้านคน

รายงานของ UN ยังระบุว่า ภายในปี 2050 ประชากรทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 9,700 ล้านคน ขณะที่ปัจจุบันทั่วโลกมีประชากรประมาณ 7,700 ล้านคน ซึ่งจำนวนประชากรในจีนและอินเดียรวมกันคิดเป็น 37 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรโลก โดยจีนมีประชากรประมาณ 1,400 ล้านคน และอินเดียมีประชากรประมาณ 1,300 ล้านคน 

นอกจากนี้รายงานของ UN ยังระบุว่า ประเทศไนจีเรียจะกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของโลก แซงหน้าสหรัฐฯ โดยจะมีประชากรประมาณ 730 ล้านคนในปี 2025 ขณะที่สหรัฐฯ จะตกมาอยู่ในลำดับที่ 4 และประเทศปากีสถานจะมีประชากรเพิ่มขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 5 ของโลก

นายหลิว เจินมิน เจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านเศรษฐกิจและสังคมของ UN กล่าวว่า ‘ในกลุ่มประเทศยากจนนั้นมีอัตราการเติบโตของประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยกว่าครึ่งของจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นภายในปี 2050 นั้นจะมาจาก 9 ประเทศได้แก่ อินเดีย ไนจีเรีย ปากีสถาน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เอธิโอเปีย แทนซาเนีย อินโดนีเซีย อียิปต์และสหรัฐฯ

ขณะที่ในกลุ่มประเทศยุโรปประชากรจะลดลงประมาณ 120 ล้านคน ภายในปี 2100 โดยจะมีประชากรเหลืออยู่ประมาณ 630 ล้านคน จาก 750 ล้านคนในปัจจุบัน โดยเฉพาะในอิตาลีประเทศเดียวประชากรจะลดลงถึง 20 ล้านคน เยอรมันจะลดลงถึง 9 ล้านคน อย่างไรก็ตามคาดว่าสหราชอาณาจักรจะมีประชากรเพิ่มขึ้นถึง 10 ล้าน ขณะที่นอร์เวย์ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์และไอร์แลนด์นั้นก็คาดว่าจะมีประชากรเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ที่มา CNN / Bloomberg