ไม่พบผลการค้นหา
"เพื่อไทย" ชี้ไทยติดโควิด-19 น้อย แต่เศรษฐกิจถอยหนัก เหตุนโยบายผิดพลาด หักหลังการเสียสละของประชาชน การทุ่มเทกำลังของแพทย์ ทำประชาชนตกงานมหาศาล

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือIMF ประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่ ติดลบร้อยละ 6.7 "กระทบจากโควิด-19 มากสุดในภูมิภาค และติดลบเป็นอันดับต้นๆ ของโลก" คำถามที่เกิดขึ้นต่อ คือ ไทยคุมเชื้อเร็วกว่าคนอื่น ทำไมเศรษฐกิจจึงทรุดหนักกว่า เรื่องนี้มี 3 เหตุผล

1.เหตุผลเชยๆ ที่ใครๆ ก็พูดกัน ซึ่งจริง แต่ไม่ทั้งหมด คือไทยมีเศรษฐกิจที่เปิดต่อเศรษฐกิจโลกสูง พึ่งพิงส่งออก และภาคบริการสูง ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19

2.ข้อนี้สำคัญกว่า นั่นคือ มาตรการที่ผิดพลาด โดยในช่วงแรกของการระบาด และให้หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีสามสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือ 1. ป้องกันธุรกิจล้ม 2. หยุดเลือดการตกงาน และ 3. ป้องกันความเสียหายไหลสู่สถาบันการเงิน รัฐบาลเลือกทำในส่วนที่ 1,3 แต่ละเลยในส่วนที่ 2 โดยปล่อยให้มีการตกงานตามยถากรรมจำนวนมหาศาล ปล่อยให้นายจ้างเลิกจ้างได้ตามใจชอบ ซึ่งตรงนี้สำคัญและอันตราย 

มาตรการที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอ คือ รัฐช่วยจ่ายค่าจ้าง โดยมีข้อแม้ว่านายจ้างต้องคงการจ้างงานไว้ หรือแม้กระทั่งสินเชื่อสำหรับพยุงการจ้างงานโดยเฉพาะ เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ แต่รัฐบาลเลือกที่จะไม่ทำ การดำรงการจ้างงานสามารถเอาไปผูกเป็นเงื่อนไขได้ในเกือบทุกมาตรการที่ช่วยเหลือภาคธุรกิจ ก็ไม่ทำอีก

เมื่อไม่มีมาตรการหยุดเลือดการตกงาน การว่างงานจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่มหึมา เหมือนน้ำที่ทะลักแล้วหยุดไม่อยู่ ผลต่อเศรษฐกิจจึงสูง ดิ่งลึกกว่าประเทศอื่น การแก้ไขจึงต้องหันไปใช้งบประมาณเยียวยามากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะรัฐไม่เลือกที่จะป้องกัน แต่เน้นมาเยียวยาทีหลัง

3.การแช่แข็งเศรษฐกิจประเทศ ทำเกินความจำเป็นไปมาก พึงระลึกว่า รัฐบาลที่น่าชื่นชมไม่ใช่รัฐที่หยุดการระบาดด้วยต้นทุนทางเศรษฐกิจที่มหาศาล และไม่ใช่รัฐที่ไม่ยอมแลกต้นทุนอะไรเลยในการควบคุมโรค แต่ผู้ที่ชนะในศึกนี้ คือ รัฐที่สมดุล คุมการระบาดอยู่ในระดับที่รับไหวและประคองเศรษฐกิจให้พอยืนอยู่ได้ในวันที่โลกยังไม่มีวัคซีน

ทั้งหมดตอบคำถามที่ว่า ทำไมไทยโรคโควิค-19 คลี่คลายเร็ว แต่สร้างรอยแผลฉกรรจ์กว่าประเทศอื่นๆ 

เลยเป็นเรื่องที่ "น่าเสียดายและน่าเศร้า" ที่ความเสียสละของประชาชน และความทุ่มเทของแพทย์ ถูกหักล้างหมดสิ้นด้วยมาตรการที่ผิดพลาดของรัฐบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :