ที่อาคารรัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และประธาน กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ กมธ.ปราบโกง สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับ #แคมเปญมอบ157ให้นายกฯ และการสอบสวนคดีนาฬิกาหรู ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ต่อ
โดยระบุว่าวันนี้ได้เชิญปลัดกระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นอดีตอธิบดีกรมศุลกากรในขณะที่มีคดีความ 'ปมนาฬิกาหรู' ของพล.อ.ประวิตร มาชี้แจง ซึ่ง กมธ.พบข้อมูลใหม่และหลักฐานสำคัญเพิ่มว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ดำเนินการให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามกระบวนการ จึงต้องรื้อฟื้นคดีนาฬิกาหรู ขึ้นพิจารณาใหม่อีกครั้ง
ส่วน #แคมเปญ มอบ 157 ให้นายกฯ นั้น ได้เชิญชวนประชาชนแจ้งความดำเนินคดีในท้องที่ต่างๆ เอาผิดพลเอกประยุทธ์ ไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 และ มาตรา 55 ในการดูแลประชาชนในสถานการณ์ covid 19 ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดยให้นำหลักฐานทั้งค่าใช้จ่ายในการซื้อหน้ากากอนามัยหรือฉีดวัคซีน ตลอดจนผู้ค้าขายที่ได้รับผลกระทบหรือขาดทุน ปิดกิจการ ซึ่งเป็น 1 ใบเสร็จต่อ 1 คดี และทำให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ถูกดำเนินคดีมากที่สุดในโลก โดยตำรวจไม่ต้องหาหลักฐานอะไรมาก แค่รับแจ้งความ เขียนคำให้การส่ง ป.ป.ช.เพื่อส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามขั้นตอนต่อไป
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวด้วยว่า การเดินขบวนของคนรุ่นใหม่หรือคณะไทยไม่ทนและกลุ่มต่างๆ เพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สำเร็จ เพราะจะถูกยัดข้อหาหรือดำเนินคดีเมื่อเรื่องไปถึงศาลก็ไม่ให้ประกันตัวสู้คดีอีก และยังอาจติดโควิคมาจากคุก จึงถือว่าไม่คุ้ม จึงต้องใช้การดำเนินคดีฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้พ้นจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ยืนยันว่า ทางสภาฯขอความร่วมมือ กมธ.ชุดต่างๆงดการประชุมหากไม่จำเป็น แต่งานของ กมธ.ปราบโกงมีความจำเป็น จึงได้เรียกประชุมยังไม่ใช่การฝ่าฝืนคำสั่งประธานรัฐสภา ซึ่ง กมธ.ปราบโกง เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงแม้ว่าจะเรียกตัวมาด้วยความยากลำบากถึง 4-5 ครั้งก็ตาม