ไม่พบผลการค้นหา
มติ ศบค.คลายล็อกเริ่ม 1 ก.ย.นี้ ไฟเขียวให้นั่งกินในร้านได้ เปิดการเดินทางข้ามจังหวัดใน 29 จังหวัดแดงเข้ม เปิดร้านในห้างฯได้ ยกเว้น โรงหนัง สปา ฟิตเนส แต่ยังเคอร์ฟิว

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 ส.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยที่ประชุม ศบค.เห็นชอบการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค เริ่มวันที่ 1 ก.ย. ดังนี้

ศบค..JPG


27.JPG

พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด

กรุงเทพฯ กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครนายก นครราชสีมา นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สงขลา สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง

มาตราการ ประกอบด้วย

-เปิดการเดินทางข้ามจังหวัดจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

-เปิดให้นั่งในร้านอาหารถึง 20.00 น. โดยร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ นั่งได้ 75 % , ร้านมีเครื่องปรับอากาศ นั่งได้ 50% งดดื่มสุราในร้าน

-ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล เปิดได้ทุกแผนกภายใต้มาตรการ โดยกิจการที่เปิดได้แบบมีเงื่อนไข ร้านเสริมสวย,ตัดแต่งผม เปิดได้เฉพาะตัดผมเท่านั้น ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ร้านนวดเปิดได้เฉพาะนวดเท้า คลินิกเสริมความงาม เปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น ร้านอาหารเปิดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการร้านอาหารมีเครื่องปรับอากาศ ส่วนกลุ่มกิจการ กิจกรรมที่ยังไม่เปิดบริการ ได้แก่ สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ ฟิตเนส ห้้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ และห้องจัดประชุม/จัดเลื้ยง

-เปิดสถานศึกษา สถาบันกวดวิชา ทุกระดับ โดยผ่านความเห็นชอบ จากผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการศธ. และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยมีมาตรการกำกับอย่างเคร่งครัด

-เปิดใช้สนามกีฬา สวนสาธารณะ ถึง 20.00 น. แข่งขันกีฬาได้แบบไม่มีผู้ชม

อย่างไรก็ตาม ยังห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 25 คน และห้ามออกนอกเคหสถาน 21.00 น. – 04.00 น.

27 2.JPG

พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด

กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยนาท ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก มหาสารคาม ยโสธร ระนอง ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สระแก้ว สุโขทัย สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุตรดิตถ์ อุทัยธานี อุดรธานี อุบลราชธานี อำนาจเจริญ

มาตรการ ประกอบด้วย

-บริโภคในร้านได้ เปิดได้ไม่เกิน 23.00 น. (งดการจำหน่าย และงดดื่มสุราในร้าน)

-ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ (จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย)

-ร้านเสริมสวย ร้าน นวด สถานเสริม ความงาม เปิดบริการได้ตามปกติ

-ให้ใช้อาคารสถานศึกษา เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก โดยผ่านความเห็นชอบจาก คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

-สถานที่เล่นกีฬา หรือแข่งขันกีฬา เปิดบริการได้ทุกประเภท ไม่เกิน 21.00 น. จัดการแข่งขันได้โดย จำกัดผู้ชม

พื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด

กระบี่ นครพนม น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน สุราษฎร์ธานี

มาตรการ ประกอบด้วย

-บริโภคในร้านได้ เปิดได้ตามปกติ (งดการจำหน่าย และงดดื่มสุราในร้าน)

-ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ (ปิดในส่วนเครื่องเกมส์ สวนสนุก)

-ร้านเสริมสวย ร้าน นวด สถานเสริม ความงาม เปิดบริการได้ตามปกติ

-ให้ใช้อาคารสถานศึกษา เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติภายใต้ มาตรการป้องกันโรค

-สถานที่เล่นกีฬาเปิดบริการได้ตามเวลาปกติ ทุกประเภท จัดการแข่งขันได้โดย จำกัดผู้ชม

27 1.JPG

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบการยกระดับมาตรการป้องกันโรค สำหรับการเปิดกิจการกิจกรรมให้ปลอดภัยและยังยืนด้วยหลักการ Covid-freesettting โดยเป็นการนำร่องเฉพาะสถานประกอบการหรือสถานบริการที่มีความพร้อมไม่ได้มีผลบังคับใช้ทุกร้านหรือทุกสถานประกอบการ

หลักการดังกล่าว แบ่งเป็นเกณฑ์ 3 ส่วน 1.การจัดสิ่งแวดล้อมให้มีระบบระบายอากาศ ถูกสุขอนามัย มีความปลอดภัย มีการเว้นระยะห่าง 2.มาตราการสำหรับผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการหรือพนักงาน จะมีการระดมฉีดวัคซีน ให้กับบุคคลที่อยู่ในภาคบริการ ทั้งร้านอาหาร ร้านตัดผม เป็นต้น และตรวจหาเชื้อ ด้วยชุดตรวจ ATK ให้กับพนักงานทุกสัปดาห์ จากนั้นจะมีป้ายระบุ เช่น "ร้านนี้มีผู้ให้บริการได้รับวัคซีนครบแล้ว 100%" เป็นต้น 3.ผู้รับบริการได้รับวัคซีนครบเกณฑ์ มีผลตรวจ ATK ยืนยันก่อนใช้บริการ และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด 

ส่วนการรายงานการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ประจำวันศุกร์ที่ 27 ส.ค. 2564 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่ 18,702 รายติดเชื้อภายในประเทศ 18,351 รายติดเชื้อจากต่างประเทศ 9 รายและติดเชื้อจากเรือนจำหรือสถานที่ต้องขัง 342 ราย ส่วนรายงานการรักษาตัวอยู่ 185,200 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาลหลัก 22,528 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาลสนาม 162,672 ราย อาการหนัก 5154 รายและใส่เครื่องช่วยหายใจ 1082 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 273 คนรวมเสียชีวิตสะสม 10,587 คน 

ขณะที่รายงานการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 สะสมจำนวน 22,070,573 ราย ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 สะสมจำนวน 6,860,084 ราย และฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 สะสมจำนวน 574,112 ราย